วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หลวงปู่เครื่อง ธัมมะจาโร

หลวงปู่เครื่อง ธัมมะจาโร
วัดเทพสิงหาร
ต.นายูง อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี
จิตมนุษย์มีพลังมหาศาล จะทำอะไรก็มักสำเร็จ ก็เพราะมีดวงจิตที่เป็นกำลังสำคัญ จิตดวงเดียวสำคัญที่สุด จิตมันบอกลักษณะไม่ได้ แต่มันก็มีความรู้สึกอยู่ภายใน เว้นแต่ว่ามนุษย์เกิดมาแล้ว จะเอาดีหรือชั่วเท่านั้น มันเป็นขั้นตอนอยู่ตรงนี้ ถ้าเอาดีต้องได้ของดีมาประดับตัวแน่นอน
มนุษย์ควรเจริญด้วยธรรม 4 ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ย่อมเจริญแก่ผู้มีปกติในข้อวัตรปฏิบัติธรรม คือ ความดีมีศิลธรรมนั้นเองจะช่วยได้

วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หลวงปู่ขาว อนาลโย

หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล
อ.หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี
ศึกษาอบรมธรรม ก็จงตั้งใจจริง ๆ อย่านำความเหลาะ ๆ แหละ ๆ มาสังหารตน และทำลายเพื่อนฝูงผู้ตั้งใจปฎิบัติธรรม ขึ้นชื่อว่ากิเลสแล้ว มันจะไม่ไว้หน้าใคร มันทำลายทั้งสิ้น ไม่ว่าพระหรือเณร อย่าเข้าใจว่ามันจะมาถวายตัวเป็นศิษย์ก้นกุฎิ หรือให้ความสะดวกในการบำเพ็ญธรรม อย่าเข้าใจว่าเป็นอาจารย์ของมัน แท้จริง กิเลสมันขึ้นมาอยู่บนหัวเรา ตั้งแต่เป็นฆราวาส จนมาบวชเป็นพระเณรแล้ว มันยังไม่ยอมลงจากหัวเราเลย นี่แหละ พระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต สอนถ่ายทอดกันมาแก่บรรดาศิษย์ให้ใส่เกล้าเอาไว้
แก่นแท้ของธรรมอยู่ที่ สติ จงหมั่นทำสติให้แก่กล้า สติทำอะไรไม่ผิดพลาด กุศลและธรรมทั้งหลาย เกิดขึ้นได้ เพราะบุคคลมีสติอย่างเดียว จะคิด จะพูด จะทำ ให้มีสติระลึกนึกเสียก่อน มันผิดก็ให้รู้ มันถูกจึงค่อยทำ
ผู้อื่นไม่ได้ทำจิตของเราเศร้าหมองหรือผ่องแผ้ว เราเองเป็นผู้ทำให้จิตของตนเศร้าหมอง ผู้อื่นช่วยไม่ได้ แม้พระพุทธเจ้าก็ช่วยไม่ได้ ท่านทรงเป็นผุ้บอกทางให้เท่านั้น ผู้ปรารถนาความเจริญ ความสุข ต้องหมั่นฝึกอบรมตนเอง ทำเอง รู้เอง ได้เอง ใครทำ ใครได้
ผู้ทำคุณงานความดี มีศีล ศีลที่บริบูรณ์แล้วย่อมเป็นที่มาแห่งโภคทรัพย์ จิตดี จิตไม่อิจฉาริษยา พยาบาท เบียดเบียน เป็นดวงจิตที่บริสุทธิ์ ผุดผ่องทำให้คนบริสุทธิ์ ทำให้คนมีศิลมีโภคทรัพย์

วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หลวงปู่แหวน สุจิณโน

หลวงปู่แหวน สุจิณโน
วัดดอยแม่ปั๋ง
อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
คนเรามันรักสุข เกลียดทุกข์นี่ หนักก็หนักอยู่ตรงนี้แหละ ไม่รับความจริง เราเกิดมา นินทา สรรเสริญก็ดี อย่างไปรับเอามาหมักไว้ในใจ ปล่อยผ่านไปเสีย ความรัก ความชัง ความโลภ ความหลง เกิดขึ้นเพราะกิเลสมันเสวนากันอยู่ จาโค ปฎินิสสัคโค สละคืนถอนออกจากใจนี้เสีย ตัณหาทั้งหลายก็ไหลมาจากเหตุ ให้ละวางเสีย ให้หมด ให้ตั้งอยู่ในศิล ในทาน ในการบำเพ็ญกุศล ละบาปเสียให้หมด ทั้งทางกาย ทางวาจา ทางใจ ที่ทุจริตละเสียให้หมด รักษากาย วาจา ใจ ที่สุจริตไว้ เมื่อนำทุจริตออกหมดแล้ว จะเหลือแต่สุจริตธรรมตั้งอยู่ในศิล กายก็เป็นศีล ใจก็เป็นศีล เป็นธรรมเป็นมรรค เป็นผลตั้งขึ้นในจิตใจ สุจริตธรรมตั้งอยู่แล้ว จิตก็เบาสบาย
อดีตเป็นธรรมเมา อนาคตเป็นธรรมเมา จิตดิ่งอยู่ในปัจจุบัน รู้ในปัจจุบัน ละในปัจจุบัน ตัดตัณหา ตัดกิเลส ตัดมานะ ทิฎฐิ ตัดความยึดมั่นถือมั่นของตนให้เสร็จลง ก็สงบได้

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
(พระครูสันติวรญาณ)
วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
อัตตาหิ อัตตโนนาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ตนทำบาปตนก็ได้รับทุกข์เอง ตนทำบุญก็ให้ความสุขแก่บุคคลผู้นั้น บุญ-บาป เป็นของเที่ยงแท้แน่นอน ใครทำบาป บาปย่อมให้ผล ใครทำบุญกุศล บุญกุศลย่อมตามให้ผล แต่ว่าบางอย่าง บางประการนั้น ไม่ทันกับใจกิเลสมนุษย์ ก็เลยเข้าใจว่าทำบุญก็ไม่เห็นผล แต่ว่าบาปนั้นไม่ทำก็เห็นผล
ใครจะมาว่าเราก็เป็นเรื่องปากเขาว่า จิตเรามีหน้าที่ภาวนาไม่ต้องไปมัวว่าให้คนโน้นคนนี้ ติคนโน้น ชมคนนี้ได้ประโยชน์อะไร ภาวนาในใจดีกว่า สงบกาย สงบวาจา สงบจิต ให้สติอยู่ทุกเวลา ยืนให้มีสติ เดินให้มีสติ ทำอะไรให้มีสติ พูดอะไรให้มีสติอย่าเพียงแต่ว่า พูดอะไรพูดได้ ก็พูดไป ขาดสติ จิตใจเลื่อนลอย ฟุ้งซ่าน ไม่มีเวลาจบ ไม่มีเวลาสิ้น นั่นแหละ ชื่อว่าตัณหาดิ้นรน วุ่นวายไปตามกามตัณหา ภวตันหา วิภวตัณหา จิตใจไม่สงบระงับ ไม่ตั้งมั่นเป็นสมาธิภาวนา เพราะหลงใหลไปตามอาการภายนอก จิตไม่หยุด จิตไม่อยุ่ จิตไม่รู้ภายใน รู้ภายนอก รู้ไปทำไม รู้ภายใน รู้กาย รู้จิตของตัวเองดีกว่า
หมายเหตุ – กามตัณหา หมายถึง ความอยากในกาม
-ภวตัณหา หมายถึง ความอยากเป็น อยากมี
-วิภวตัณหา หมายถึง ความไม่อยากเป็น ไม่อยากมี

วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หลวงพ่อแพ เขมังกโร

(พระสุนทรธรรมภาณี)
วัดพิกุลทอง ต.ถอนสมอ อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี
อาสวะกิเลส เปรียบเหมือนกับความมืดที่เราจมอยู่ มันเป็นการตัดหนทางดีของเราที่สำคัญที่สุด เราจึงต้องมานั้งภาวนากำจัดมันเสียให้ได้โดยเด็ดขาด เมื่อนั้นจิตจึงจะผ่องแผ้ว สว่างไสว แล้วจะเห็นแจ้งในธรรมทั้งปวง
ดังนั้น เมื่อเรารู้หนทางบ้างแล้ว ก็ควรระงับกรรมเวร มิให้สืบต่อไปอีกเลย

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หลวงพ่อชา สุภัทโท

หลวงพ่อชา สุภัทโท
(พระโพธิญาณเถร)
วันหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
ความอยากอย่างแรงกล้าที่จะหลุดพ้นหรือรู้แจ้งนั้น จะเป็นความอยากที่ขวางกั้นการหลุดพ้น พยายามมากเกินไป แต่ขาดปัญญา เป็นการเคี่ยวเข็ญตนเองไม่สู่ความทุกข์ยากโดยไม่จำเป็น เดินทางสายกลาง คือสงบ วางสุข วางทุกข์
หน้าที่ของเรานั้น ทำเหตุให้ดีที่สุดเท่านั้น ส่วนผลที่จะได้รับเป็นเรื่องของเข ถ้าเราดำเนินชีวิตโดยมีการปล่อยวางเช่นนี้แล้วทุกข์ ก็ไม่รุมล้อมเรา
จิตของคนตามธรรมชาตินั้นไม่มีความดีใจเสียใจ ที่มีความดีใจเสียใจนั้นไม่ใช่จิต แต่เป็นอารมณ์ที่มาหลอกลวงจิตก็หลงไปตามอารมณ์โดยไม่รู้ตัว แล้วก็เป็นสุขเป็นทุกข์ไปตามอารมณ์ ผู้ใดตามดูจิต ผุ้นั้นจักพ้นจากบ่วงมาร
การกระทำจิตให้สงบนั้น อย่างเพิ่งเข้าใจว่ามาทำวันเดียวหรือสองวัน มันจะสงลได้ จะต้องพยายามทำเรื่อย ๆ ไป ให้เห็นความสงบเกิดขึ้นมา ต้องพยายามทำให้มาก ทำบ่อย ๆ ยืน เดิน นั่ง นอน ต้องมีสติอยู่เสมอ

วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

พระราชพรหมยาน

พระราชพรหมยาน
(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
หลวงพ่อสอนลูกทุก ๆ คน
จงมีความรู้สึกอยู่เสมอว่า ถ้าเรายังไม่เป็นพระอรหันต์เพียงใด ในเวลานั้นก็ชื่อว่าเรายังไม่เป็นคนดี เราจะพยายามเก็บความชั่วทุกอย่างที่มันขังอยู่ในจิต ทำลายให้มันตายสนิท อย่าให้เกิดขึ้นมา เมื่อกิเลส คือความชั่วตายหมด ชื่อว่าจิตว่างจากความชั่วจงทรงไว้แต่ความดี และก็ว่างจากความทุกข์ จะทรงไว้แต่เพียงความสุขอย่างเดียว หวังว่าลูกรักของพ่อคงจำไว้
ขึ้นชื่อว่าชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ว่าความตายความตายเป็นของเที่ยง ก่อนที่เราจะตายจงคิดว่าเราตายครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย และไม่มีการตายต่อไป นั้นคือพระนิพพานพ่อมั่นใจในกำลังใจและความดีของลูกว่า พระนิพพานสมบัติ จะไม่ขายไปจากกำลังจิตของลูก และสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ลูกของพ่อต้องได้แน่นอน นี่เป็นความหวังของพ่อ แต่ทว่าถ้าลูกรักกับพ่อต้องแยกทางเดินกัน ไม่ใช่พ่อโกรธลูก แต่ว่าเวลาตายจริง ๆ เราตามกันไม่ไหว
ในสายตาของคนอื่นเขาอาจจะเห็นว่าลูกเลว แต่ขอลูกทั้งหลายจงคิดว่านั้นเป็นเรื่องความรู้สึกนึกคิดของบุคคลแต่ละคน แต่พ่อเองมีความรู้สึกว่า คนจะดีหรือเลว มันขึ้นอยู่กับกฎของกรรม ก่อนที่เราจะเกิดมานี่ เราทำทั้งกรรมดี และกรรมชั่ว ขณะใดถ้ากรรมที่เป็นอกุศลมันให้ผล ขณะนั้นลูกของพ่อก็อาจจะมีความคิดผิดพูดผิดกระทำผิดไปได้เป็นของธรรมดา แต่ขณะใดกรรมที่เป็นกุศลกรรมให้ผล บรรดาลูกรักของพ่อก็จะทำถูก คิดถูก พูดถูกอยู่เสมอเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าตัวของพ่อเองก็ประสบมามาก จึงไม่มีความรู้สึกเมื่อลูกรักบางท่าน บางคน คิดพลาด พูดพลาด กระทำพลาดไปถือว่านั่นเป็นกฎของกรรมเดิมที่เราทำมาแล้วไม่ดี ในชาตินี้เรามาแก้ตัวกันใหม่พยายามทำความดีเสียทุกอย่าง เพื่อเป็นการหักล้างความชั่วเดิม เพื่อผลที่เราจะพึ่งได้ต่อไป นั้นก็คือพระนิพพาน

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หลวงปู่หลุย จันทสาโร

หลวงปู่หลุย จันทสาโร
วัดถ้ำผาบิ้ง
ต.ทรายขาว อ.วังสะพุง จ.เลย
อย่างส่งจิตออกไปข้างนอก ให้ดูอยู่ทีกาย ให้รื้อค้นร่างกายนี้ให้ชัดแจ้ง ให้รู้ว่าก็เพราะร่างกายมันมีอยู่ จึงทำให้เกิดทุกข์ ก็ร่างกายนี้แหละที่ทำลายความสงบสุข มันทำให้เกิดเป็นรังโรคหนอนอย่างใหญ่หลวง ไม่เลือกละว่าร่างกายของใคร ถ้าพิจารณามองให้เห็น ตัดให้ขาดจากร่างกายนี้จริง ๆ แล้ว จะพบกับความสงบสุขถาวรตลอดไป
การเกิดเป็นคน ต้องรู้จักหน้าที่ของตน เป็นคนมีความคิด หัดภาวนา อย่านอนอย่างวัวอย่างควาย สัตว์ประเภทนั้นมันนอนอย่างเดียว ไม่ภาวนา เราต้องไม่ประมาท
พวกที่เป็นพระสงค์องค์สามเณร ก็ควรฝึกหัดภาวนา อย่าอยู่โดยเปล่าประโยชน์ กินข้าวปลาของชาวบ้านแล้ว อย่าขี้ทั้งเปล่า ข้าวเม็ด น้ำหยด ต้องทดแทนคุณของเขาให้ได้ ทำภาวนาให้ถึงที่สุด จะได้สงบกาย สงบวาจา สงบใจตามสติกำลังของตน
ผู้ที่ไม่ได้ทำบุญไว้แต่ชาติก่อน ความสมหวังแห่งผู้นั้นไม่มี ย่อมคลาดแคล้วแห่งสมบัติหลายประการ ทำนาข้าวตาย ค้าขายขาดทุน หาคนค้ำจุนไม่ค่อยได้ คนนั้นป่วยไข้ไปหาหมอก็ขัดข้อรักษาไม่ได้ ให้ตกอับทุกหน้าที่ ตกลงคนนั้นต้องกอดเข่าเจ่าจุก เพราะไม่ได้ทำบุญไว้แต่ชาติปางก่อน ไม่ชวนให้คนอื่นเมตตา
ที่พวกเราได้พากันเกิดมาในโลกนี้ ล้วนมีชาติทุกข์ ชราทุกข์ พยาธิทุกข์ และมรณะทุกข์ประจำชาติที่เกิดมา เพราะฉะนั้น ขอคณะอุบาสก อุบาสิกาทั้งหลาย จงพากันให้ทาน รักษาศิลบำเพ็ญภาวนา ให้เต็มไม้เต็มมือ เพื่อความสุขในอนาคตข้างหน้า เป็นอริยทรัพย์ที่ติดตามตนของเราไปได้

วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
วัดป่าสัมมานุสรณ์
บ้านโคกมน ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย
อวิชชามันพาให้เกิด เมื่อถึงจะต้องตาย ก็ขอปลดอวิชชาไว้ข้างหลัง ให้เข้าป่าเข้าดงไป เราไม่ต้องการอีกต่อไป ขอให้เชื่อจิตเชื่อธรรมนั้นเถิด เป็นเอกในโลกทั้งสามนี้แน่นอน

วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
(พระราชนิโรธรังสี คัมภีร์ปัญญาวิศิษฎ์)
วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
ข้าศึกใด ๆ ในโลกนี้ ไม่มีอำนาจลึกลับร้ายกาจ แหลมคม เหมือนข้าศึกภายในในเรา
ศีลห้า เป็นรากฐานของการกระทำกรรมต่าง ๆ ไม่ว่ากรรมดีและกรรมชั่ว กรรมดีต้องเว้นจากโทษห้าข้อนี้ ข้ออื่น ๆ เป็นเรื่องปลีกย่อยออกไปจากศีลห้าทั้งนั้น เมื่อไม่มีศิลห้าข้อนี้กำกับอยู่กับใจแล้วความชั่วนอกนั้นทั้งหมด จะหลั่งเข้ามาครองใจ ความดีทั้งปวงไม่สามารถตั้งอยู่ได้นาน ไม่ต้องพูดถึงสมาธิสมาบัติปัญญาหรอก เครื่องกลั่นกรองของธรรม เพื่อให้ใสสะอาดจากโลกนั้น นอกเหนือไปจาก ศีล สมาธิ ปัญญา แล้วไม่มี
ศาสนา ตั้งต้นที่กายกับใจ เทวดา อินทร์ พรหม ไม่สามารถที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานได้ เพราะเหตุว่ามันสุขเกินไป เราเกิดมาเป็นมนุษย์ นับว่าดีอักโขแล้ว ขอให้รักษามนุษยธรรมไว้ก็แล้วกัน ถ้ารักษาไว้ไม่ได้มันจะเลวลงไปกว่ามนุษย์นี้อีก ไปเกิดเป็นสิงสาราสัตว์ แต่ละภพชาติมันนานแสนนาน
ผู้ไม่เข้าใจในเหตุผลของความตาย เมื่อถึงความตาย จึงเป็นทุกข์เพราะอาลัยในความตาย แต่ผู้ตายกลับสบายแฮ เพราะไม่ต้องตายอีก คนที่ตายไปแล้วเท่านั้น เป็นผีที่น่าเกลียด แต่หารู้ไม่ว่าตัวของเราเป็นผีสดศพหนึ่งดี ๆ นี่เอง นอกจากจะเป็นผีสดแล้ว ยังเป็นป่าช้าที่ฝังผีของสัตว์ต่าง ๆ มีหมู วัว เป็ด ไก่ เป็นต้น ซึ่งเราขนมาฝังอยู่ทุก ๆ วัน คนที่ตายแล้วเขาไม่ได้เป็นป่าช้าของสัตว์อื่นอีกต่อไปแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต

เจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต
(ธัมมวิตักโก ภิกขุ)
วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพมหานคร
ไม่มีความสุขใด ๆ ในชีวิตฆราวาส ที่จะไม่มีความทุกข์ ที่แทรกซ้อนอยู่ในความสุขนั้น ๆ
ทำอะไรไม่ผิดเลย ก็คือไม่ทำอะไรเลย
Do no wrong is do nothing
จงระลึกถึงคติพจน์ว่า Do no wrong is do nothing ทำอะไรไม่ผิดเลย คือไม่ทำอะไรเลย ความผิดนี้แหละ เป็นครูอย่างดีควรจะรู้สึกบุญคุณของตัวเองที่ทำอะไรผิดพลาด และควรสบายใจที่ได้พบกับอาจารย์ผู้วิเศษ คือความผิดจะได้ตรงกับคำว่า เจ็บแล้วต้องจำ ตัวทำเอง ผิดเองนี้สังวรระวังไม่ให้ผิดต่อไปแล้วตั้งต้นใหม่ ด้วยความไม่เลินเล่อเผลอประมาท อดีตที่ผิดไปแล้วก็ผ่านพ้นล่วงเลยไปแล้วแต่อาจารย์ผู้วิเศษยังคงอยู่คอยกระซิบเตือนในอยู่เสมอทุกขณะว่า ระวัง อย่าประมาทนะ อย่าให้ผิดพลาดเช่นนั้นอีกนะ
ผิดหนึ่งพึงจดไว้ ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า หกซ้ำอภัยไฉน
จงสังเกตพิจารณาดูให้ดีเถิด จะเห็นได้ว่านักค้นคว่าวิทยาศาสตร์ทางโลกก็ดี และท่านผู้วิเศษที่เป็นศาสดา อาจารย์ ในทางธรรมทั้งหลายก็ดีล้วนแต่ ผ่านพ้นอุปสรรค ความผิดพลาดนับครั้งไม่ถ้วนมาแล้วด้วยกันทุกท่าน

วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ท่านพุทธทาส อินทปัญโญ

ท่านพุทธทาส อินทปัญโญ
(พระธรรมโกศาจารย์)
วัดธารน้ำไหล สวนโมกขพลาราม จ.สุราษฎร์ธานี
การทำจิตใจให้บริสุทธิ์ สะอาด ปราศจากสิ่งเศร้าหมองนั้น หมายความว่า ทำจิตใจให้เป็นอิสระจากสิ่งทั้งปวง ถ้าจิตใจยังไม่เป็นอิสระจากอำนาจครอบงำของสิ่งทั้งปวง จะเป็นจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ไปไม่ได้เลย คนเรามีแต่ความยึดมั่นถือมั่นกันอยู่ คล้ายกับกว่าเป็นมรดกที่ตกทอดมาตั้งแต่ไม่รู้ว่าครั้งไหน เราจะเห็นได้ว่า พอเกิดมาก็ได้รับการอบรมแวดล้อมโดยเจตนาบ้าง ไม่เจตนาบ้าง ให้เป็นไปแต่ในทางยึดมั่นว่าตัวตน ว่าของตนทั้งนั้น การอบรมให้รู้ถึงโทษของความยึดมั่น ถือมันไม่ได้ทำกันเลย
เมื่อเห็นโทษของความยึดมั่นถือมั่นเมื่อใด จิตก็จะคลายจากความยึดมั่น ถือมั่นเมื่อนั้น จิตที่ว่างจากความยึดมั่นถือมั่นว่าตัวตน ว่าของตันเท่านั้น ที่จะมั่นคง เป็นสมาธิได้อย่างแท้จริงและสมบูรณ์

วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หลวงปู่ฟั่น อาจาโร

หลวงปู่ฟั่น อาจาโร
วัดป่าอุดมสมพร
อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
ความเกิด แก่ เจ็บ ตาม เป็นทุกข์ ผู้ที่เห็นทุกข์เท่านั้น จึงขวนขวายหาหนทางพ้นทุกข์ เมื่อเห็นทุกข์แล้วจงเร่งความเพียรภาวนาเรื่อยไปเพื่อให้รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตนเอง
ให้เชื่อเรื่องบุญ เรื่องบาป ว่าเป็นของมีจริง โดยมากคนมักไม่ค่อยเชื่อศาสนา ศาสนาก็คือคำสอน สอนให้ละชั่ว ทำความดี เพื่อขจัดทุกข์ให้ประสบความสุข ถ้าผลบุญ ผลบาป ไม่มีจริงแล้ว จะมีคนร่ำรวยมียศถาบรรดาศักดิ์ และมีคนทุกข์ยากกระจอกงอกง่อย ขี้ทูดกุดถัง ได้อย่างไรของมันเห็น ๆ กันอยู่ แต่ไม่รู้จักพิจารณาก็ย่อมไม่เข้าใจ
ให้เข้าใจว่า ที่มีศาสนา ที่มีผู้สอนให้ ก็เพื่อประโยชน์ของผู้ศัทธาปฎิบัติตาม จะได้พ้นทุกข์พ้นยาก แต่ถ้าไม่เชื่อก็แล้วแต่ ให้รู้จักภาวนา พุทโธ ทำดวงจิตให้ผ่องใส จะได้เป็นที่พึ่งของเราที่แน่นอน
ให้ทราบว่าโลกนี้ไม่มีแนสารอันได้ เกิดมาแล้วก็ตาย เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง ที่จะเอาได้ก็เป็นเรื่องของดวงจิตเท่านั้น ฉะนั้น จึงให้รู้จักทำจิตใจคลายจากความชั่ว ความเศร้าหมอง ทำจิตใจให้เป็นบุญเป็นกุศลเป็นจิตใจที่สงบผ่องใสเป็นสมาธิ ให้รู้จักใช้ปัญญา พิจารณารูปนาให้เห็นตามความเป็นจริงของสังขาร จนสามารถละวางตัณหาอุปทานทั้งหลายได้

วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หลวงพ่อโอภาส

หลวงพ่อโอภาส
(พระมหาชวน มลิพันธ์)
สวนอาศรมบางมด เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานครฯ
ฉันน้อยทำความเพียรมาก ขัดเกลากิเลสออกจากจิตใจ ไม่คำนึงถึงลาภสักการะยศถาบรรดาศักดิ์ ขอกำจัดพญามาร และเสนามารน้อยใหญ่ที่คอยมารบเร้าจิตใจให้ราบคาบสิ้นไปเท่านั้น

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
(พระราชวุฒจารย์)
วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์
จิตนี้คือพุทโธ จิตนี้คือธรรม เป็นสภาวะพิเศษที่ไม่ไป ไม่มา เป็นความบริสุทธ์ล้วน ๆ จิตนี้เหนือความดีและความชั่วทั้งปวง ซึ่งไม่อาจจัดเป็นลักษณะรูปหรือนามได้ หลักธรรมที่แท้จริงคือ จิต จิตของเราทุกคนนั้นแหละคือหลักธรรมสูงสุดที่อยู่ในจิตใจเรา นอกจากนั้นแล้วมันไม่มีหลักธรรมใน ๆ เลย
จิตนี้แหละคือหลักธรรม ซึ่งนอกไปจากนั้นแล้วก็ไม่ใช่จิต แต่จิตนั้นโดยตัวมันเองก็ไม่ใช่จิต ดังที่ท่านปรารภว่า จิตนั้นมิใช้จิตดังนี้ นั่นแหละย่อมหมายถึง สิ่งบางสิ่งซึ่งมีอยู่จริง
ขอให้เลิกละการคิดและการอธิบายเสียให้หมดสิ้น เมื่อนั้นเราอาจกล่าวได้ว่าคลองแห่งคำพูด ได้ถูกตัดขาดไปแล้ว พิษของจิตก็ได้ถูกถอนขึ้นจนหมดสิ้น จิตในจิตก็จะเหลือแต่ความบริสุทธิ์ซึ่งมีอยู่ประจำอยู่แล้วในทุกคน
คติประจำใจ : อย่าส่งจิตออกนอก
ปริศนาธรรม : หยุดคิด หยุดนึก
ธรรมะ : จงเข้าไปสู่งสิ่งสงบเงียบให้ได้ลึกซึ้ง โดยการลืมต่อสิ่งนี้ด้วยตัวเราเอง สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเรานี้แหละ(สติ) คือ สิ่ง ๆ นั้นในอันตราที่เต็มที่ทั้งหมด ทั้งสิ้นและสมบูรณ์ที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรนอกไปจากนี้เลย

วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หลวงปู่โต๊ะ อินทสุวัณโณ

“ทางไปสู่ความไม่เกิด”.....เอ้อ..แล้วทำไมจึงจะพ้น จากขันธ์๕ เหล่านั้นนะ...ก็พระท่านว่าไม่เกิดแหละดีไม่เกิดเป็นตัวเหตุ..ไม่เกิด เออ ไม่เกิดแล้วทำอย่างไรถึงไม่เกิด ทานบ้าง ศีลบ้าง ภาวนาบ้าง ปัญญาบ้าง และอื่นๆ ทานให้แก่ใครไม่ทราบที่เรียกว่าทำทาน ท่านทำทานของท่านเสร็จแล้วหรือยัง? ท่านเจริญสมาธิของท่านแล้วหรือยัง?ปัญญาของท่านเกิดแล้วหรือยัง?

วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หลวงพ่อสด จันทะสโร

หลวงพ่อสด จันทะสโร
(พระมงคลเทพมุนี)
วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร
ว่าในด้านภาวนา กายนี้มีซ้อนกันเป็นชั้น ๆ มีกายทีย์ซ้อนอยู่ในกายมนุษย์ การรูปพรหมซ้อนอยู่ในการทิพย์ การอรูปพรหรซ้อนอยุ่ในกายรูปพรหม กายธรรมซ้อนอยู่ในการอรูปพรหม คนเราที่ว่าตายนั้นคือ กายทิพย์การกับมนุษย์หนุดพรากออกจากกันเหมือนมะขามกะเทาะล่อนจากเปลือกฉะนั้น กายทิพย์ก็หลุดจากการมนุษย์ไป
สุขในฌานอะไรจะไปสู้ ในภพนี่ไม่มีสุขเท่าถึงดอก สุขในณามมะ สุขนักหนาทีเดียว เต็มส่วนความสุขก็หนึ่ง เฉยวิเวกวังเวงเปลี่ยวเปล่า เรามาคนเดียว ไปคนเดียวหมดทั้งสากลโลก คนทั้งหลายไปคนเดียวทั้งนั้น ไม่มีคู่สองเลย จะเห็นว่าลูกสักคนหนึ่งก็ไม่มี สามีสักคนหนึ่งก็ไม่มีภรรยาสักคนหนึ่งก็ไม่มี ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างตาย ต่างคนต่างเกิด เป็นอย่างนี้ ปล่อยหมด ไม่ว่าอะไรไม่ยึดถือที่เดียว เรือกสวนไร่นาตึกร้านบ้านช่องก่อนเราเกิดมาก็มีอยู่อย่างนี้หญิงชายก็มีอยู่อย่างนี้ เราเกิดแล้วก็มีอยู่อย่างนี้ เราตายไปแล้วมันก็มีอยู่อย่างนี้ เห็นดิ่งลงไปทีเดียวเข้าปฐมฌานเข้าแล้วเห็นดิ่งลงไปเช่นนี้
“การปฏิบัติ ไม่หยุดไม่ถึงพระ ตัวหยุดนี่แหละเป็นตัวสำเร็จ”
“พระรัตนตรัยเป็นแก้วที่แท้จริง หรือเปรียบด้วยแก้ว ถ้าเป็นทางปริยัติเข้าใจตามอักขระแล้ว เป็นอันเปรียบด้วยแก้ว ถ้าเป็นทางปฏิบัติแล้ว เป็นแก้วจริงๆ” ภาวนํ ภาวเวติ ทำให้จริงให้หยุด ให้นิ่ง ทำให้มี ให้เป็นขึ้น กี่ร้อย กี่พันคนก็นอนหลับสบาย กี่คนๆก็สงบนิ่ง เมื่อสงบนิ่งแล้ว มีคนสักเท่าไร ก้ไม่รกหูรกตา ไม่รำคาญไม่เดือดร้อน เป็นสุขสำราญเป็นนิจ นี่เขาเรียกว่า ภาวนา ทำให้ใจหยุดสงบ ในการบำเพ็ญภาวนาความเพียรสำคัญยิ่ง ต้องทำเสมอ ทำเนืองๆ ทุกอิริยาบถ ไม่ว่า นั่ง นอน เดิน ยืน และทำเรื่อยไป อย่าหยุด อย่าละ อย่าทอดทิ้ง อย่าท้อแท้มุ่งรุดหน้าเรื่อยไป ผลจะเกิดวันหนึ่ง ไม่ต้องสงสัย ผลเกิดขึ้นอย่างไรท่านรู้ได้ตัวของท่านเอง

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หลวงพ่อปาน โสนันโท

หลวงพ่อปาน โสนันโท
(พระครูวิหารกิจจานุการ)
วันบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา
ในชีวิตฉันไม่เคยฆ่าสัตว์เลย ตัวเล็กตัวใหญ่ก็ตาม ค้าฆ่าโดยเจตนาแล้ว ไม่เคยทำ แม้ยุงก็ไม่เคยตบ
ในงานศพ ที่มาไหว้ศพน่ะ เขามาไหว้สัจจธรรมของพระพุทธเจ้านะ คือ ท่านตรัสว่าร่างการของคนน่ะมันเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง เวลาอยู่เป็นทุกข์ในที่สุดก็ อนัตตา คือตาย ใครบังคับบัญชาไม่ได้
เวลากราบทีแรก เขานึกถึงพระพุทธเจ้าว่าทรงเทศไว้ถูก เทศน์ไว้ตรง ข้าพระพุทธเจ้าขอยอมรับนับถือเป็นมรณานุสสติกรรมฐาน
กราบครั้งที่ 2 เขานึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์จากประโอษฐ์ เหมือนดอกมะลิแก้วแพรวพราวไปด้วยความจริงอันประเสริฐ ทำบุคคลทั้งหลายไม่ให้เมามัน และทำให้เข้าถึงความสุข
กราบครั้งที่ 3 นึกถึงพระสงฆ์ พระอริยสงฆ์ทั้งหลายที่ทานร้อยกรองพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้แล้วไม่ปล่อยให้อันตรธานสุญไป รวบรวมเข้าไว้ นี้กราบความดีของพระ 3 พระนะ เขาไม่ได้กราบผีกราบศพ
ถึงแม้เราจะมีคาถาอาคมของดีอะไรก็ตาม เราก็ต้องตาย ก่อนตายควรเลือกทางเดินเอา อย่างน้อยที่สุดเราควรไปสวรรค์ชั้นกามาวจรให้ได้ ขอให้ทุกคนนะ เวลาก่อนจะหลับ ให้นึกถึงความดีที่ตนเคยกระทำไว้ ทรัพย์สินที่สละเป็นวิหารทาน ธรรมทานสังฆทานเลี้ยงพระ นึกถึงศิลที่ตนเคยรักษา เทศน์ที่ตนเคยฟัง แล้วหมั่นภาวนาถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ พระพุทธโธ ธัมโม สังโฆ แล้วจะรู้ว่าฉันหวังดีดับลูกหลานเพียงใด คนไหนทำดีมากไม่ได้ก็ให้สร้างความดี 2 อย่างที่ฉันต้องการ คือ 1 อย่าดืมสุรารัย 2 อย่าลักขโมย อย่าเป็นโจ
เมื่อจะเจริญกรรมฐาน ให้ตั้งอยุ่ในพรหมวิหาร 4 ให้เป็นณานสมาธิแน่วแน่ให้แผ่เมตตาไปทั่วจักรวาล แล้วจึงพิจารณาตามอารมณืวิปัสสนาหรือภาวนาตามแบบสมนะ ทุกคนตายแล้วจงไปสวรรค์ จงไปพรหมโลก จงไปนิพพาน

วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

พ่อท่านคล้าย จันทสุวัณโณ

พ่อท่านคล้าย จันทสุวัณโณ
วัดพระธาตุน้อย (วัดจันดี)
ต.ช้างคลาน อ.ฉวาง จ.นควรศรีธรรมราช
คนเราเกิดมาย่อมมีดีและมีชั่ว อันเป็นของคู่กัน สิ่งหนึ่งที่จะต้องกระทำให้เกิดขึ้นแก่ตนเอง เพื่อประเทศชาติ ญาติวงศาคณาญาติ ร่วมโลกจะอยู่ได้อย่างเป็นปกติสุขก็ต้องมีการรู้จักรับผิดชอบชั่วดี ใครมีหน้าที่อะไรก็ของใครของมัน
อีกอย่างหนึ่ง ทุกคนเกิดมาในโลกนี้แล้ว ทุกคนก็มีโอกาสทำชั่วได้ ก็ควรหาโอกาสเสริมสร้างความดีเอาไว้บ้าง
ท่านพระครูกราย อาจารย์ของอาจมา(ฉัน) เคยพูดไว้อีกว่า พระสงฆ์ทั้งหลายนั้นท่านบวชเข้ามาก็เพื่อนสร้างความดีมีศิล มีภาวนา ทำให้เกิดสติปัญญา คนทำความชัวนั้นก็เพราะไม่มีสติ ไม่มีปัญญาจึงเป็นเหตุให้ไปก่อทุกข์ภัยมาสู่ตนเอง
พระอาจารย์ผ่ายกรรมฐานทั้งหลาย และอาจารย์ผุ้ทรงวิทยาคุณ ท่านสร้างแต่ความดีทั้งสิ้น ดังนี้งเราทั้งหลายก็ควารทำความดีกันได้แล้ว

วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หลวงพ่อเพา พุทธสโร

หลวงพ่อเพา พุทธสโร
(ท่านพุทธสราจารย์)
วัดเขาวงกฎ ต.สนามแจง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี
อันการที่จะเจริญสมถะและวิปัสสนากรรมฐามนั้น จำต้องอบรมศิลของตนให้บริสุทธ์เสียก่อน ถ้าศิลยังบกพร่อง แม้จะเจริญวิปัสสนาก็ไม่มั่นคงถาวร ดุจไม่ที่ไร้แก่นฉันนั้น
สำหรับฆราวาสให้รักษาศิล 5 และศิล 8 ให้ได้ สำหรับพระสงค์องค์เณรให้พิจารณาการยและจิต ให้ฆ่าเสียซึ่งกิเลสทั้งปวง คือ โลโภ โทโส โมโห เอาออกให้หมดในจิตใจ เมื่อออกไปหมดสิ้นและจะไม่มีอวิชชาอีกต่อไป อวิชชาหมด ภพชาติก็หมด ทำให้ได้
พระพุทธศาสนาสอนมนุษย์ในโลกนี้ด้วย ธรรมะ เมือได้บวชเป็นพระเณร กินข้าวชาวบ้านการงานไม่ได้ทำเพียงให้นั่งภาวนา ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรมเท่านั้นก็ต้องให้สำเร็จจะได้ชดใช้หนี้บุญคุณเขาหมด
เขาชาวบ้านนั้นก็ได้ยกย่องว่า พระสงค์เป็นนาย พวกชาวบ้านเป็นทาสรับใช้เป็นทาสของพระสงฆ์ ชาวบ้านวางใจถึงปานนี้ ต้องเอาดีให้ได้

วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หลวงปู่มั่น ภูริทัตตะเถระ

หลวงปู่มั่น ภูริทัตตะเถระ
วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง
จ.สกลนคร
ผู้ปฎิบัติ พึงใช้อุบายปัญญาฟังธรรมเทศนาทุกเมื่อ ถึงจะอยู่คนเดียวก็ตาม คืออาศัยการสำเหนียก กำหนดพิจารณาธรรมอยู่ทั้งกลางวันและกลางคืน
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็เป็นรูปธรรม ที่มีอยู่ปรากฏอยู่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ(สัมผัส) ก็มีอยู่ปรากฏอยู่ ได้เป็นอยู่ ได้ยินอยู่ ได้สูดดม ลิ้มเลีย และสัมผัสอยู่ จิตใจเล่า ก็มีอยู่ ความคิด นึกรู้สึกในอารมณ์ต่าง ๆ ทั้งดี และร้ายก็มีอยู่ ความเสื่อม ความเจริญ ทั้งภายนอก ภายในก็มีอยู่ธรรมชาติอันมีอยู่โดยธรรมดาเขาแสดงความจริง คือ ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ให้ปรากฏอยู่ทุกเมื่อ เช่น ใบไม้มันเหลืองหล่อร่วงลงจากต้น ก็แสดงความไม่เที่ยงให้เป็นดังนี้ เป็นต้น
เมื่อผู้ปฎิบัติมาพินิจพิจารณาด้วยสติปัญญา โดยอุบายนี้อยู่เสมอแล้วชือว่าได้ฟังธรรมอยู่ทุกเมือ ทั้งกลางวันและกลางคืนแล

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หลวงปูเสาร์ กันตสีโล

หลวงปูเสาร์ กันตสีโล
วัดเลีอบ อ.เมือง
จ.อุบลราชธานี
การให้ทานอันใด ๆ ก็ให้กันมามากแล้ว ย่อมมีผลอานิสงส์มากเหมือนกัน แต่ยังสู้ผู้เข้ามาบวชเป็นตาผ้าขาว เป็นแม่ชีแล้วรักษาศิลอุโบสถ ไม่ได้มีอานิสงส์มากกว่าให้ทานนั้นเสียอีก
ถ้าใครอยากได้บุญมาก ๆ ได้ไปสวรรค์ ไปพระนิพพาน เพื่อนการพ้นทุกข์แล้วละก็บวชเป็นตาผ้าขาว เป็นแม่ชีรักษาศิลอุโบสถเสียในวันนี้
การปฎิบัติสมาธิภาวนานั้น เป็นชื่อแห่งความเพียรที่ผู้ปฎิบัติธรรมทั้งหลายในบวรพระพุทธศาสนา ได้ถือเป็นข้อปฎิบัติดีปฎิบัติชอบเป็นอย่างยิ่ง ธรรมะที่จะนำมนุษย์ให้พ้นทุกข์นี้ ได้แก่ ศิล สมาธิ ปัญญา เท่านั้น
กรรมนี้แหละจะจำแนกสัตว์ให้เป็นไปต่าง ๆ นา ๆ ทำให้เลว ให้ดี ให้ชัว ให้ประเสริฐ ก็เป็นผลของกรรมที่ทำไว้ทั้งสิ้น เราเกิดเป็นมนุษย์มีความสูงศักดิ์มาก แต่อย่างนำเรื่องของสัตว์มาประพฤติ มนุษย์ของเราจะต่ำลงกว่าสัตว์และจะเลวกว่าสัตว์อีกมาก เวลาตกนรกจะตกหลุมที่ร้อนกว่าสัตว์มากมาย อย่าพากันทำ ให้พากันละบาปบำเพ็ญบุญ อย่าให้เสียชีวิตลมหายใจเปล่า ที่ได้มีวาสนาเกิดมาเป็นมนุษย์