วัดบรมนิวาสราชวรวิหาร ยศเส กรุงเทพมหานคร
“...ควรพวกเราทั้งหลายคิดดูให้เห็นโทษและคุณแห่งความตายเสียให้ชัดเจน...ผู้มีปัญญาไม่ควรประมาทความตาย...ให้เห็นว่าเป็นสมบัติสำหรับตัวเรา เราจะต้องการในกาลอันสมควร...คือความตายมาถึงเราสมัยใด สมัยนั้นแหละชื่อว่ากาลอันสมควร ไม่ควรจะเกลียด ไม่ควรจะกลัว...”
สังขารทั้งหลาย คือสัตว์ที่เกิดมาในไตรภพจะหลีกหลบให้พ้นจากความตาย ไม่มีเลย...เมื่อมีความเกิดเป็นเบื้องต้นแล้ว ย่อมมีความตายเป็นเบื้องปลายทุกคน นัยหนึ่งให้เอาความเกิดความตายซึ่งมีประจำอยู่ทุกวันเป็นเครื่องหมาย
เมื่อพิจารณาถึงความตาย ก็ต้องพิจารณาถึงความป่วยไข้ และความแก่ ความชรา เพราะเป็นเหตุเป็นผลกัน...ให้พิจารณาถึงพยาธิความป่วยไข้ เรามีความป่วยไข้เป็นธรรมดาจะข้ามล่วงพ้นไปจากความป่วยไข้หาได้ไม่...ถ้าแลพิจารณาเห็นความชราอันเป็นปัจจุบันได้ก็ยิ่งประเสริฐ
ความระงับสังขารทั้งหลายนั้น ท่านมิได้หมายถึงความตาย...ท่านหมายถึงวิปัสสนาญาณ และอาสวักขยญาณ คือปัญญารู้เท่าสังขารรู้ความสิ้นไปแห่งอาสวะเป็นชื่อของ...พระนิพพาน...เป็นยอดแห่งความสุข”