หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
(พระครูสันติวรญาณ)
วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
อัตตาหิ อัตตโนนาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ตนทำบาปตนก็ได้รับทุกข์เอง ตนทำบุญก็ให้ความสุขแก่บุคคลผู้นั้น บุญ-บาป เป็นของเที่ยงแท้แน่นอน ใครทำบาป บาปย่อมให้ผล ใครทำบุญกุศล บุญกุศลย่อมตามให้ผล แต่ว่าบางอย่าง บางประการนั้น ไม่ทันกับใจกิเลสมนุษย์ ก็เลยเข้าใจว่าทำบุญก็ไม่เห็นผล แต่ว่าบาปนั้นไม่ทำก็เห็นผล
ใครจะมาว่าเราก็เป็นเรื่องปากเขาว่า จิตเรามีหน้าที่ภาวนาไม่ต้องไปมัวว่าให้คนโน้นคนนี้ ติคนโน้น ชมคนนี้ได้ประโยชน์อะไร ภาวนาในใจดีกว่า สงบกาย สงบวาจา สงบจิต ให้สติอยู่ทุกเวลา ยืนให้มีสติ เดินให้มีสติ ทำอะไรให้มีสติ พูดอะไรให้มีสติอย่าเพียงแต่ว่า พูดอะไรพูดได้ ก็พูดไป ขาดสติ จิตใจเลื่อนลอย ฟุ้งซ่าน ไม่มีเวลาจบ ไม่มีเวลาสิ้น นั่นแหละ ชื่อว่าตัณหาดิ้นรน วุ่นวายไปตามกามตัณหา ภวตันหา วิภวตัณหา จิตใจไม่สงบระงับ ไม่ตั้งมั่นเป็นสมาธิภาวนา เพราะหลงใหลไปตามอาการภายนอก จิตไม่หยุด จิตไม่อยุ่ จิตไม่รู้ภายใน รู้ภายนอก รู้ไปทำไม รู้ภายใน รู้กาย รู้จิตของตัวเองดีกว่า
หมายเหตุ – กามตัณหา หมายถึง ความอยากในกาม
-ภวตัณหา หมายถึง ความอยากเป็น อยากมี
-วิภวตัณหา หมายถึง ความไม่อยากเป็น ไม่อยากมี
วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น