วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

โรคหัวใจ ที่เกิดจากกรรมเก่า

โรคหัวใจ ที่เกิดจากกรรมเก่า
ถ้าเป็นโรคหัวใจเกิดจากการชอบกินสัตว์ที่ใช้ทำอาหารแบบยังเป็น ๆ แก้กรรมด้วยการใส่บาตร แล้วปล่อยสัตว์ที่แม่น้ำลำคลอง หรือทะเล
หมายเหตุ
ถ้าเป็นโรคเบาหวาน ให้เพิ่มน้ำตาล 1 ถุง ใส่บาตร พร้อมพระสะดุ้งมาร อุทิศให้เฉพาะวิญญาณที่อาฆาตเกี่ยวกับโรคเบาหวาน เพราะฉะนั้น ก่อนทำบุญทุกครั้ง เช่น จบเงิน หรือเครื่องบวช แค่ฟังผู้อื่นทำบุญ ก็ได้บุญไปกับเขาด้วย เพียงน้อมจิตอนุโมทนาบุญกับเขาด้าย ก่อนทำบุญก็ตั้งนะโม 3 จบ และบุญทุกอย่างที่เป็นปัจจัย วัตถุสิ่งของ หรือแผ่บุญภายใน ก็ขอถวายบุญนี้แดพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 5 พระองค์ก่อน ถ้าเป็นสิ่งของควารจะวางไว้หิ้งพระ และจุดธูปหรือใช้จิตถวายพระพุทธที่บ้านก่อนก็ได้ และขอให้บุญกุศลทั้งหมดส่งมายังข้าพเจ้าก่อน ขอให้ข้าพเจ้ามีพลังแก่กล้า มีเดช ปัญญา โภคะ แล้วจึงนำส่งให้ผู้มีพระคุณ บิดา มารดา ครู อุปัชฌาอาจารย์ บุตร ธิดา สามี ภรรยา บริวารทุกภพทุกชาติ ผู้ที่มีชีวิต ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว (เอ่ยชื่อก็ได้) เจ้ากรรมนายเวร(ดวงวิญญาณ) ศัตรูหมู่หรือหมุ่พาล (มนุษย์ที่มีชีวิตอยู่ อาจจะเป็นคู่หุ้นส่วนงาน หรือหุ้นส่วนชีวิต บุตร ธิดา ฯลฯ) ผู้มีพระคุณต่อประเทศ ชาติ องค์พระมหาราชหรือองค์วีรสตรีไทย(เอ่ยชื่อ) เจ้าหนี้ และลูกหนี้ ธนาคาร ให้เจริญรุ่งเรื่อง (ห้ามสาปแช่ง) เขาดี เราก็ดี กระแสบุญจะทำให้เรามีความสุขและสำนึกความรับผิดชอบชั่วดีและจะยินดีชื่นชม ในตัวเราเป็นพิเศษ เป็นภายในลึก ๆ ของความรู้สึกที่ดี ต่อผู้แผ่นเมตตาให้ทุกอย่างจะ สำเร็จ ดีอย่างไร อยู่ที่บุญวาสของเราอุทิศให้ อาหารที่เรารับประทาน หมู เป็ด ไก่ กุ้ง ปู ปลา สัตว์เหล่านี้ เขามีอายุขัย การตายก่อนอายุขัย เขาก็ทุกข์ทรมานใจ เพราะยังใช้กรรมไม่หมด สัตว์เล็กใหญ่น้อย ถ้าให้แล้วจะเป็นการอโหสิกรรมไม่ต่อภพชาติ และพวกเขา จะไปเกิดใหม่ในภพที่ดี อาจเป็นเทวดา (หมดกรรมเวร เป็นการช่วยทางอ้อม) กรวดน้ำ ตั้งนะโม 3 จบ ขอให้แม่พระธรณีเป็นทิพย์พยาน

วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

การปวดหลัง ที่เกิดจากกรรมเก่า

การปวดหลัง ที่เกิดจากกรรมเก่า
การปวดหลัง อาจจะเคยเกิดจากกรรมที่เคยตีหลังหมา หรือตีตะขาบกลางหลัง ให้แก้โดยจุดธูป 3 ดอก ขอขมากลางแจ้ง ตั้งนโม 3 จบ ขอขมากรรม ว่าจะใส่บาตร 1 ชุด พร้อมพระเงินพระทอง อย่างละ 1 องค์ ดอกไม้ธูปเทียนให้ไปเกิดบนศาลา ขออโหสิกรรมให้ขาดจากกันเดี๋ยวนี้ ให้หายเจ็บป่วย กรวดน้ำทุกครั้งหลังจากใส่บาตรทันที วิญญาณคอยรับอยู่ ตั้งนะโม 3 จบ ข้าพเจ้าได้ทำบุญใส่บาตรด้วยพระเงินพระทอง ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรคือ หมา หรือตะขาบ อย่างใดอย่างหนึ่งแก้เฉพาะอย่าง ห้ามให้รวม เดี๋ยวจะไม่ได้รับ จะยังคงเจ็บป่วยให้แก้ที่ละอย่าง ที่ละครั้ง ถ้าจำได้เคยทำอะไรไว้ ก็ให้แก้ก่อนล่วงหน้าก็ดี เจ้ากรรมอีก 10 ปี หรือ 20 ปี หรือภพหน้า

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

การปวดศรีษะเกิดจากกรรมเก่า

การปวดศรีษะ เกิดจากการชอบกินแกงปลาช่อน โดยได้ทุบหัวปลาไว้เพราะ ปลาช่อนก็มีอายุขัย วิญาณมาสิงอยู่บริเวณศรีษะแบบเดียวที่เราได้ทำไว้ ถ้าเป็นไม่เกรน วิญญาณตามมาพบ โกรธที่เคยเป็นหนี้ ชาติไหนไม่รู้ 10 ตำลึงจะตีบริเวณศรีษะไม่ข้างใดก็ข้างหนึ่ง เรียกว่า ไม่เกรน ต้องแก้ที่ต้นเหตุ คือทำบุญใส่บาตรอาหาร 1 ชุด ด้ายพระสะดุ้งมาร 3 นิ้ว 5 นิ้ว ดอกไม้ ธูปเทียน ส่งวิญญาณขึ้นศาลา เป็นวิธีแก้กรรมที่ต้นเหตุ ถ้าแก้ปลาช่อนต้องปล่อยปลาช่อน 1 ตัว หลังจากใส่บาตร กรวดน้ำแล้ว ทำให้เสร็จวันเดียวกัน หาหมอเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ผลช้า ถ้านั่งสมาธิกรรมฐานปัฏฐาน 4 แก้ได้เร็ว และหายขาด ที่ยังไม่หายขาดเพราะเจ้ากรรมนายเวรชุดใหม่จะเข้ามาแทนที่
ก่อนแก้กรรมใส่บาตร ให้จุดธูป 3 ดอกกลางแจ้ง สวดนะโม 3 จบ ข้าพเจ้าขอขมากรรมเจ้ากรรมนายเวร ขอให้อโหสิกรรมให้ขาดจากกัน กรณีที่ดวงตกมาก ขอแผ่บุญให้ตัวเองให้มาก ๆ ควรสวดมนต์เท่าอายุ เลยอายุ มีเวลาไปปฏิบัติธรรมด้วยที่วัด ยุบหนอ พองหนอ จะเกิดผลเร็ว โทสะ น้อยลง ควรแผ่เมตตาให้มาก ๆ วันละ 10-30 ครั้ง ดังนี้
การแผ่เมตตาที่ได้ผล ต้องกรวดน้ำลงดินทุกครั้ง วันละ 100 ครั้ง เจ้ากรรมนายเวรจะหาย 100 เท่า 100 วิญญาณ
เวลาทำบุญทุกครั้งตั้งนะโม 3 จบ กุศลที่ลูกได้ทำแล้ว ขอถวายแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 5 พระองค์ ขอให้ทุกพระองค์นำส่งบุญให้ ข้าพเจ้ามี เดช ปัญญา โภคะ ขอให้สมหวังสมปรารถนาทุกเรื่อง ขอให้มีบุญบารมีเต็มขั้น เกิดสภาวธรรมตามบุญวาสนา ได้ทำมาจากทุกภพทุกชาติ(วิญญาณ) ศัตรูหมู่มารหมู่พาล (มนุษย์ หุ้นส่วน เพื่อน คนในครอบครัว) ทุกภพทุกชาติ (เอ่ยชื่อได้ยิ่งดี) ขอให้อโหสิกรรม ขอให้ขาดจากกัน ณ เดี๋ยวนี้เทอญ ขอให้อุปถัมภ์ค้ำจุนข้าพเจ้า
ถ้าทำบุญด้วยข้าวสารเป็นกระสอบ หรือถมทราย ดิน ก็ตั้งจิตอธิฐานว่าผลบุญนี้ขอให้ข้าพเจ้าร่ำรวย เหมือนเมล็ดข้าว เมล็ดทรายดิน เจ้ากรรมนายเวร เจ้ากรรมนายเวรตามเมล็ดข้าวสาร ตามเมล็ดทรายดิน ขอให้ได้รับ และขอให้อโหสิกรรมหลุดขาดจากกัน ณ บัดนี้ เดี๋ยวนี้เทอญ ขอให้ข้าพเจ้ามีแต่ความเจริญรุ่งเรือง พบแต่ผู้อุปถัมภ์ค้ำชู

วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วิธีแก้กรรมให้ตนเองได้ผลดีเร็วขึ้น

วิธีแก้กรรมให้ตนเองได้ผลดีเร็วขึ้น
เวลาทีทำบุญ หรือทำความดีอะไรทุกครั้ง จอกจากจะทำบุญเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาแล้ว เช่น การใส่บาติ การถือศีล และอื่น ๆ หรือ การพูดคุยธรรมะ การช่วยให้ผู้อื่นสบายใจ ชี้แนะทางแก้ไขปัญหาชีวิต การทำความสะอาดห้องพระ การถวายน้ำเปล่าเพียง 1 แก้ว ให้กับหิ้งพระพุทธรูป การร่อมอนุโมทนาการทำความดีของผู้อื่น โดยการใช้จิต น้อมไปทางบุญกุศล การกวาดใบไม้ในสวน การทำความสะอาดห้องน้ำ หรือจะของส่วนรวม ความที่มีจิตใจเป็นมหากุศลทั้งสิ้น ตั้งนะโม 3 จบทุกครั้ง (ขอให้พระทุทธเจ้าเป็นประธาน)เพราะบารมีพระพุทธเจ้าเป็น 3 ภพ (โลก) สวรรค์ มนุษย์ นรก เจ้ากรรมนายเวรจะอยู่ภพภูมิไหนเช่น นรกขุมสุดท้าย(18) เจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิกรรมหมดรวดเร็ว แล้วควรกรวดน้ำลงดิน ทุกครั้งแม่พระธรณี แม่พระคงคาเป็นทิพย์พยาน เพราะท่านก็สำเร็จพระอรหันต์แล้ว ลูกได้ทำความดี เช่น ทำบุญกุศลใส่บาตร ฯลฯ ขอถวายบุญกุศลแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 5 พระองค์ ขอให้ทุกพระองค์นำส่งบุญให้ลูกมีเดชปัญญา โภคะ (ความสมบุรณ์) เพื่อจะได้อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร (วิญญาณโปร่งใส) ทุกภพทุกชาติ ศัตรูหมู่มารหรือหมู่พาล คือมนุษย์ เช่น บริวาร ญาติมิตร คนรับใช้ สามี บุตร ธิดา ทุกภพทุกชาติ ขอให้ได้รับมหากุศลนี้ รับแล้วขอให้อโหสิกรรม ให้ขาดจากกันนะเดี๋ยวนี้ บัดนี้ขอให้ข้าพเจ้ามีบุญบารมีสูงขึ้น ๆ ๆ เต็มขึ้น เพื่อจะได้ช่วยสังคมให้สูงขึ้น และช่วยสร้างคนให้เป็นพระ เกิดปัญญาทางธรรม (จิตสัมผัสรู้ ชั่วดี เลว เหตุการณ์ล่วงหน้า) ปัญญาทางโลกทุกคนมีอยู่แล้วจากพ่อแม่ แต่ยังขาดปัญญาทางธรรม ถ้าได้ จะประสบแต่ความสำเร็จ สมบูรณ์พูนสุขทุกอย่างเพราะบุญคือขุมทรัพย์ ลาภยศจะมาเอง และยังช่วยผู้อื่น ครอบครัวได้ด้วย(กรรมเวร แก้ไขได้โดยการขอขมากรรม และส่างวิญญาณด้วยพระสะดุ้งมารขนาด 3 นิ้ว 5 นิ้ว เป็นการต่อชะตาชีวิต)
ถ้าเจ้ากรรมนายเวรจากส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายบริเวณที่เจ็บป่วย ได้อโหสิกรรม จะหายเจ็บป่วยทันที ถ้าเป็นโรคหัวใจ วิญญาณจะอยู่บริเวณนั้น

วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ปฏิบัติธรรม

ปฏิบัติธรรมอย่าข้ามขั้นตอน อย่าย้อนความหมาย
พระพุทธองค์ ทรงประกาศหลักสำคัญ หรือที่เรียกว่า หัวใจ ของพระพุทธศาสนา ดังนี้คือ
1.ไม่ทำชั่วทั้งปวง
2.เพียรสร้างความดีให้ถึงพร้อม
3.ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส
นั้นก็คือ อย่าเป็นคนปกติ ต้องละชั่วให้ได้เสียก่อน เมื่อละชั่วแล้วก็ต้อง เพียรพยายาม สร้างสมคุณงามความดี และคนที่ทำความดีสะสมไว้มากมายนับชาติไม่ถ้วน เรียกว่า เกิดเป็นบารมีแล้วก็ต้องไม่หยุดอยู่แค่ความดี เพราะขั้นสูงสุด คือ ชำระดวงจิตให้บริสุทธิ์ผ่องใส ไม่ติดข้องใด ๆ ในโลกีย์ สามารถเข้าสู่โลกุตตระ
แต่เวลานี้คนที่อยากปฏิบัติธรรมไม่ได้ ต้องหลีกหนี้ครอบครัวไปไกล ๆ จึงจะเรียกว่าปฏิบัติธรรม ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ บางรายทิ้งลูกอ่อนพึ่งคลอดได้ 2 เดือน ไว้ให้ยายซึ่งแก่ชราแล้วเลี้ยงแทน เป็นต้น

วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553

กรรมกำหนด

พี่น้องมีอะไรหน่อยก็ทะเลาะวิวาท พี่ไม่ยอมผ่อนปรนน้อง น้องก็ไม่เคารพยำเกรงพี่ เป็นเพราะชาติก่อนต่างขาดเมตตาธรรม ข่มเหงรังแกกัน ชาตินี้ต้องมาเกิดเป็นพี่น้องกัน หรือ มาแย่งสมบัติกัน พี่น้องต้องกลายเป็นคู่แค้น
สามี ภรรยาที่ชอบทะเลาะวิวาทกัน เป็นเพราะชาติก่อน ภรรยาคิดร้ายต่อสามี หรือสามีข่มเหงภรรยา จึงเป็นเวรกรรมต่อกัน ชาตินี้จึงต้องมาเกิดเป็นสามีภรรยากันอีก หรือ ฝ่ายหญิงมาเกิดเป็นชาย หรือ ฝ่ายชายมาเกิดเป็นหญิง เพื่อใช้หนี้กรรม
ที่ชาตินี้กำพร้าพ่อ แม่แต่เด็ก หรือ แก่ชราไร้บุตรหลานดูแล เป็นเพราะชาติก่อนทำแท้งหรือฆ่าทารกแรกเกิด ชาตินี้จึงต้องคอยอยู่คนเดียว เป็นกรรมสนอง
ที่ชาติก่อนเป็นเถ้าแก่หรือนายหญิง ใจคอคับแคบโหดร้าย ชาตินี้จึงต้องมาเกิดเป็นนายบ่าวกันอีก แต่กลับกันเพื่อเป็นการชดใช้หนี้กรรม
ที่ชาตินี้อยู่อย่างไม่สุขสบาย ยากจนลำบาก กินไม่อ่มท้อง เป็นเพราะชาติก่อนไม่รักธัญญาหาร กินทิ้งกินขว้าง ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย ชาตินี้จึงต้องลำบากยากจน คิดทำการใดก็ประสบแต่ความล้มเหลวอันเป็นกรรมสนอง
ที่ชาตินี้อายุไม่ยืน มีโรคภัยเจ็บอยู่เสมอ เป็นเพราะชาติก่อนชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไร้เมตตาปรานีต่อสัตว์ ส่งผลให้ชาตินี้ถูกตัดทอนอายุขัย ต้องรับทุกข์ทรมานจากการเบียดเบียนของโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งเป็นกรรมสนอง
ที่ชาตินี้แม้จะใฝ่ธรรมะมุ่งหลุดพ้น ไม่กล้าทำชั่วแต่น้อย มุ่งทำความดี ขัดเกลาตน แต่ต้องมีภาระผูกพันทางครอบครัวมาก ไม่อาจปลีกตัวพ้นจากภาวะหน้าที่ เป็นเพราะชาติก่อนติดค้างหนี้สินเขา ยังไม่ได้ชำระ หรอ ยังไม่ได้ทดแทนบุญคุณเขา ชาตินี้จึงต้องชดใช้หนี้กรรม ดังนั้น แม้ใจจะใฝ่ธรรมะ คิดบำเพ็ญธรรม ก็ไม่อาจปลดเปลื่องพันทนาการจากทุกข์นั้น
จึงกล่าวได้ว่า ที่ชีวิตในชาตินี้ไม่สมหวัง เป็นเพราะวิบากกรรมจากชาติก่อนเป็นมูลเหตุ วิบากกรรมเหล่านี้ต้องขจัดให้สิ้นเสียก่อน (โดยการสร้าง่บุญกุศล) คิดทำการใดจึงจะราบรื่น ไร้อุปสรรคขวากหนาม แต่ถ้าไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ชาตินี้ยังคงสร้างสมบาปกรรมต่อไปอีก ทุกภพทุกชาติก็จักชดใช้ ไม่รู้จักจบสิ้น ขอให้ทุก ๆ ท่านทั้งหลายพึงสังวร
กรรมไม่ดีที่หนักที่สุด จนถึงกับห้ามมรรค ผล นิพพาน คือ กรรมไม่ดีที่ทำต่อพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ และมารดาบิดา ก่อนจะทำกรรมใด ขอให้น้อมใจนึกถึงพระพุทธเจ้า ทรงเสียสละ ลำบากเพียงไหนเพื่อสอนให้เชื่อกรรม ไม่ให้ทำกรรมที่ไม่ดีทั้งหลายให้ทำแต่ความดี
กรรมดีทางใจที่ควรพร้อมกัน ทำให้เกิดขึ้นเพื่อความสุขสวัสดี ทั้งของตนเองและประเทศชาติ คือ ความมั่นคงในพระคุณของพระพุทธเจ้า พระพุทธบารมีนั้นยิ่งใหญ่ไปศาล แผ่ไปทุกหนทุกแห่ง ทุกเวลานาที พึงพร้อมกันน้อมใจรับเพียงด้วยการรำลึกถึงพระพุทธองค์ว่า พุทโธ พุทโธ พุทโธ ในทุกเวลานาทีที่มิได้มีภาระอื่น จะนั่ง นอน ยืน เดิน พึงพร้อมกันทำ อย่าได้ว่างเว้นและทุกคนทำได้ ทุกคนมีเวลามากมาย ในรถติด ในที่นอนที่นอนไม่หลับ ในงานที่มิต้องใช้ความคิดมากมายนัก ในเวลารับประทาน ฯลฯ การภาวนาพุทโธ ไม่ใช่งานหนัก ไม่ใช่งานยาก แต่มีคุณมหาศาลเกินกว่าจะมีผู้ใดบอกได้ถูก ผู้ใดทำผู้นั้นจะได้เข้าใจด้วยตนเอง จึงขอให้ทำเพื่อหนีผลแห่งกรรมไม่ดี ที่ไม่อาจรู้เห็นได้ ว่ากำลังจะเกิดแก่ชีวิตในวินาทีใด และร้ายแรงเพียงใด เช่น ที่ได้เกิดขึ้นให้เห็นอยู่แล้ว ทุกวันนี้ตั้งจิต ขออโหสิกรรมและให้อโหสิกรรมต่อผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวร ต่อผู้ที่ได้ล่างล้ำก้ำเกินกันทั้งน้อยใหญ่ แล้วภาวนาพุทโธไว้เถิด ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับใจ ไม่หมดอายุก็จะไปดี

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

บุญกุศล คือ อริยทรัพย์

ชาวโลกรู้จักแต่ทำการค้า เพื่อเพิ่มทรัพย์สมบัติเก็บ ไว้ให้บุตรหลานไม่รู้จักสร้างสมบุญบารมี เพื่อให้ความร่มเย็นเป็นสุข แก่บุตรหลาน ทรัพย์สมบัติเป็นรูปธรรมที่มองเห็น บุญกุศลเป็นอริยทรัพย์ที่มองไม่เห็น การเก็บทรัพย์สมบัติไว้ให้บุตรหลาน ก็ไม่แน่ว่าบุตรหลานจะสามารถรักษาไว้ได้ ถ้าหากบุตรหลานอกตัญญู ไม่สืบทอดเจตนารมณ์รู้แต่ผลาญ ไม่ยอมประกอบอาชีพ การเก็บสมบัติไว้ให้บุตรหลานมากเกินไป กลับจะเป็นโทษแก่บุตรหลาน ภาษิตว่า สอนลูกหนึ่งวิชา ดีกว่าให้ทองพันตำลึกแก่ลูก ซึ่งเป็นการเตือนใจพวกปู่โสมเฝ้าทรัพย์
การสร้างกุศลเพื่อให้บุตรหลานเจริญ เป็นอริยทรัพย์ที่มองไม่เห็น ผู้ที่สร้างสมบุญกุศลย่อมได้บุตรหลายที่ดี ฉลาด และกตัญญู เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล ภาษิตกล่าวว่า ลูกหลานมีบุญวาสนาของเขาเอง อย่าเป็นวัวความให้ลูกหลาน ดังนั้น จงให้ความสำคัญแก่อริยทรัพย์ที่เป็นนามธรรม คือ บุญกุศล
อนึ่ง การทำบุญสร้างกุศล พึงจำไว้ว่า ปัจจัยเงินทอง หรือ สิ่งของที่บริจาคจะต้องได้มาอย่างบริสุทธิ์ ถูกต้องไม่เป็นเงินที่ได้มาโดยการประกอบอาชีพต้องห้าม ดังนี้
1.ค้าขายมนุษย์
2.ค้าขายสัตว์มีชีวิต
3.ค้าขายอาวุธเครื่องมือฆ่า ประหัตประหาร
4.ค้าขายยาพิษ
5.ค้าขายยาเสพติด ของมึนเมาอันทำลายสติและชีวิต
มิจฉาวณิชา การค้าขาย 5 อย่างนี้ พระพุทธองค์ทรง บัญญติ มิให้อุบาสก อุบาสิกา กระทำโดยเด็ดขาด

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วิธี แก้ กรรม

วิธี แก้ กรรม
(สะเดาะเคราะห์)
ชาวโลกมักสร้างเวรกรรมโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นถ้าจะหลีกเลี่ยงจากเวรกรรมก็จงอย่าสร้างกรรม หรือ เบียดเบียนผิดร้ายผู้อื่น ไม่ว่าหาเรื่องราวหรือปั้นน้ำเป็นตัววิพากษ์วิจารณ์ นินทาว่าร้ายผู้อื่น รู้จักอภัย อดกลั้นอดทน อ่อนน้อมถ่อมตน ก็จักไม่มีเวรกรรมต่อกัน หรือถ้าหากมี หนี้กรรมที่สร้าง จากชาติปากก่อน ตกทอดถึงชาตินี้ เจ้ากรรมนายเวรก็ยอมจะมาทวงคืน ดังนั้น ผู้มีหนี้กรรมถ้าไม่ถูกโรคภัยเบียดเบียน ก็มักไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน ชีวิตมีแต่ปัญหาอุปสรรคนา ๆ หรือไม่ก็ประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บ หรือเสียทรัพย์ เป็นต้น
ถ้าจะแก้เวรกรรมของชาติก่อน ก็จงอย่าได้โทษฟ้าโทษดิน ไม่ใจคับแคบ ตระหนี่ถี่เหนียว ตั้นหน้าตั้นตาทำความดี หมั่นสร้างบุญกุศล ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เพื่อเอากุศลนี้ไปไถ่บาป จึงจะสามารถแก้เวรกรรม (สะเดาะเคราะห์ ได้ภาษิตว่า เวรจงแก้ แต่อย่าก่อ
เมื่อสร้างกรรมใดกรรมนั้นจักเป็นเงาตามตัว แม้จะไปวอนพระเจ้า กรรมนั้นก็ไม่อาจแก้ได้ มีแต่กรรมทำความดี สร้างกุศลเท่านั้น เช่น พิมพ์หนังสือสวดมนต์ หนังสือธรรมะแจก บรรยายธรรมชี้แนะให้คนละชั่ว ทำดี ผลบุญเหล่านี้แรงมาก เบื้องบนจึงจะสามารถอนุญาตให้นำบุญนี้มาลบล้างเวรกรรม เมื่อนั้นหนี้กรรมต่าง ๆ ก็จัก ค่อย ๆ หมดไป

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

4 จอมมาร

ทุกคนต้องระวัง 4 จอมมาร
สุรา กามราคะ สมบัติ โมหะ คือ 4 จอมมารที่เป็นอุปสรรคขวางกั้นการบรรลุผลต่าง ๆ จงอย่างได้ประมาท 4 จอมมารนี้มนุษย์ชอบเข้าใกล้และหลงใหลที่สุด เพราะ 4 จอมมารนี้มีมนต์ขลังแรงมาก สามารถทำให้ผู้คนลุ่มหลงจนถอนตัวไม่ขึ้น ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีวีรบุรุษผู้เก่งกล้าสามารถนับไม่ถ้วนที่ต้องตกอยู่ใต้อำนาจของจอมมารทั้ง 4 นี้
ขอนำเรื่องฤทธิ์เดชอำนาจของ 4 จอมมารมาเล่าต่อโดยย่อ ดังต่อไปนี้ เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตื่อนสติเตือนใจให้ท่าน และลูก ๆ หลาน ๆ ทั้งหลาย ได้ตระหนักถึงมหันตภัยที่จะเกิดตามมาสู่ตัวท่านและลูกหลานทั้งหลาย
1.มารสุรา
ชาวโลกมักเข้าใจว่าสุรา หรือเหล้า ทำจากธัญพืช คิดว่าดื่มแล้วคงไม่เป็นไร ซ้ำยังอาจเป็นประโยชน์ต่อต่างกาย มีการนำไปเป็นเครื่องเซ่นไหว้เจ้า และภูตผีเทวดา บางคนแย้งว่าการดื่มเหล้า เป็นการกระตุ้นประสาท ทำให้เลือดลมไหลเวียนแรงขึ้น นี้เป็นเพราะไม่รู้ถ่องแท้ถึงโทษภัยของการดื่มเหล่า
ผู้ชอบดื่มเหล้า มักเมาเป็นประจำ เมื่อเหล้าออกฤทธิ์ ก็เกิดอารมณ์ขวาม สะลึมสะลือ ครองสติไม่อยู่ พูดเอะอะโวยวายจนเป็นเหตุนำไปสู่การทะเลาะวิวาท หรือบางครั้งใช้อารมณ์เหล่า ถือมีดไม้ไปทำร้ายเข่นฆ่าผู้อื่น
สร้างความเดือดร้อนแก่ตนและครอบครัว ก็มีไม่น้อย ดังคำกล่าว สุราสามารถทำให้คนเสียสติ ในอดีตกวีเอก หลี่ไป่ ต้องจมน้ำตายเพราะลงไปงมพระจันทร์ในน้ำ และหลิวถาง เหตุเพราะเมาสุรา จึงทำให้บ้านเมืองต้องล่มสลายดังกล่าวข้างต้นนี้ ล้วนมีสามเหตุมาจากสุราทั้งสิ้น
2.มารกามราคะ
กามนั้นทุกคนต่างชอบเข้าใกล้ ทว่ากามราคะร้ายกาจยิ่งกว่าคมดาบ กามราคะสามารถทำลายผู้คน ผู้ใดเข้าใกล้จะทำให้สูญเสียพลัง ทำให้ผิดศิลธรรม ทำให้อายุสั้นเพราะกามราคะ (ประพฤติผิดในกาม) ทำให้ครอบครัวไม่สงบสุข สามีภรรยาแตกร้าว ทำให้เกิดการหึงหวงจนเข่นฆ่า หรือฆ่าตัวตายก็มีไม่น้อย
ในอดีต เสียอ๋องต้องตายเพราะนางเม่ยฮี่ และโจ้วอ๋อง บ้านเมืองต้องล่อสลายเพราะนางต๋าจี่ เหล่านี้ล้วเพราะกามราคะเป็นต้นเหตุ
3.มารสมบัติ
บุคคลจะมีสมบัติมากหรือไม่ ต่างได้ถูกลิขิต(กำหนด)ไว้แล้ว ใช่ว่าดิ้นตนแล้วจะได้ การมีสมบัติมากก็ใช่กว่าจะโชคดีในอดีต ตอนที่บ้านเมืองเกิดกลียุค ครอบครัวที่ร่ำรวยมักถูกคนอิจฉา จนเกิดภัยแก่ตัว เพราะมักถูกพวกโจรคอยดักปล้นจี้จนบางครั้งถูกทำร้ายจนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตก็มี ถ้ามีสมบัติมากเก็บไว้ให้ลูกหลานก็ไม่แน่ว่าลูกหลานจะสามารถรักษาไว้ได้เสมอไป ถ้าหากเอาแต่ลุ่มหลงสุรา นารี สิ่งอบายมุข ใช้จ่ายอย่างสุลุ่ยสุร่าย ไม่ทำงานทำการ การมีสมบัติมากกลับเป็นการเพาะเชื้อแห่งความหายนะ หรืออาจเป็นสื่อแห่งภัยพิบัติได้ ขอแต่เพียงให้เป็นคนชื่อ มีคุณธรรม ไม่ดิ้นรนแสวงหาจนเกินไป
ลูกหลานย่อมมีบุญวาสนาของเขาเอง ไม่จำต้องเป็นวัวควายเพื่อลูกหลาน ปกติให้รู้จักประหยัด พออยู่ไปได้ก็พอ จงจำไว้ว่าพอ มัจจุราชมาหาเมื่อไร ถึงทรัพย์สมบัติมากมายเพียงใด ก็มิอาจพาไปได้แม้แต่น้อย มาตัวเปล่าไปตัวเปล่าเปล่า อย่ามุ่งหวังในทรัพย์อันไม่ชอบธรรม ควรถือว่าทรัพย์สมบัติเป็นของนอกกาย แล้วก็จะไม่ถูกมารสมบัติร้อยรัดจนเกิดความทุกข์
4.มารโมหะ
จิตอารมณ์ของคนควรรักษาไว้ให้ดี พึงรู้ว่ายามอารมณ์สงบ ระบบไหลเวียนโลหิตก็จะเป็นไปปกติ ยามอารมณ์เสียระบบ ไหลเวียนโลหิตก็จะผิดปกติ อารมณ์เป็นหนึ่งในสามสิ่งประเสริฐ(สติ ลมปราณ พรหมจรรย์) ของมนุษย์ ถ้าผิดจากนี้แม้แต่น้อย ก็จะสูญเสียพลังเดิม ผู้คนมักมีความไม่มีสงบสุขเนื่องจากไม่มีการรักษาอารมณ์ ทำให้เกิดโมหะ คือธาติไฟ เป็นอันตรายต่อตับและอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยและอายุสั่น
ลองย้อนคูคนที่ได้รับความเดือดร้อนเพราะโมหะเป็นเหตุทำให้สามีภรรยาแตกแยก และโมหะตัวนี้สามารถทำให้พี่น้องเกิดการวิวาทบาดหมาง ด้วยเหตุนี้มารโมหะจึงเป็นอันตรายต่อคนไม่น้อยทีเดียว
สุรา กามราคะ สมบัติ โมหะ ด่านทั้ง 4 นี้ ผู้บำเพ็ญธรรมจะต้องผ่าน(ปลง)ให้ได้ อย่าให้ถูกครอบงำโดยเหล่าจอมมารดังกล่าวข้างต้น จึงจะถึงแก่นธรรมโดยง่าย
4 จอมมารมีความร้ายกาจเช่นนี้นักปฏิบัติจึงไม่ควรประมาทเผลอเมื่อใดเป็นถูกจู่โจมเล่นงานทันที ขอให้พึงสังวร

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ชีวิต 49 วัน หลังความตาย

มนุษย์ที่มีจิตวิญญาณ เมื่อได้สิ้นลมปราณ วิญญาณไปอยู่ที่ไหน
มนุษย์เมื่อตายไปแล้ว ภายใน 49 วัน วิญญาณผู้นั้นก็จะไปรายงานตัวยังยมโลก ผู้ที่ตอนมีชีวิต ประกอบแต่กรรมดี พอไปถึงยมโลก เทวทูตก็จะพาไปส่งที่บนสวรรค์ ส่วนผู้รับต้องถูกส่งไปจองจำที่นรกเสวยทุกข์ทรมาน ถึงตอนนี้จึงเพิ่งรู้ว่า พอมัจจุราชมาหา ทุกอย่างพาไปไม่ได้ มีแต่บาปกรรมติดตัวเท่านั้น แต่สำนึกได้ก็สายไปแล้ว
จึงขอแจกแจงความแตกต่าง ชีวิตหลังความตายของวิญญาณ ผู้ประกอบกรรมดีและชั่ว เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจชาวโลกดังต่อไปนี้
เจ็ดวันรอบแรก
วิญญาณผู้ตายต้องเดินผ่านดงหมาป่า ซึ่งมีฝูงหมาป่าดุร้ายเหมือนเสือขวางทางอยู่ เมื่อวิญญาณบาปไปถึงก็เกิดความหวาดกลัวไม่กล้าเดินต่อไป ฝูงหมาป่าก็เข้ารุมล้อมกระโจนเข้าขย้ำ ขบกัดกัญญาณบาปจนเลือดท่วมตัว กรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทุกขเวทนา
ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึงดงหมาป่า ก็จะมีหมู่เทวทูตมาคอยพิทักษ์คุ้มครอง พวกหมาป่าได้แต่มองนิ่งเฉย ไม่กล้วทำอะไร จึงผ่านไปได้โดยปลอดภัย
เจ็ดวันรอบที่ 2
เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงด่านประตูผี เจ้าหน้าที่ผู้รักษาด่าน เมื่อเห็นวิญญาณบาป ก็จะทุบตีทิ่มแทงอย่างไม่ปรานีปราศรัย และมีพวกเจ้ากรรมนายเวรพากันตามมาทวงหนี้เวรกรรม
ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึงด่านประตูผีจะได้รับการต้อนรับ ให้ผ่านไปโดยดี
เจ็ดวันรอบที่ 3
เมื่อวิญญาณผู้ตายมาถึงยมโลก ถ้าเป็นวิญญาณบาปก็จะถูกคุมตัวไปรับการพิจารณาโทษ ถึงตอนนี้วิญญาณบาปจะเริ่มสำนึกผิด แต่ก็สายไปเสียแล้ว
ส่วนวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี เมื่อมาถึงที่แห่งนี้จะได้รับการต้อนรับอย่างดี มีเจ้าหน้าที่พาไปท่องเที่ยวขุมนรกต่าง ๆ และดูสภาพของญาติมิตรที่ทำบาป กำลังรอคอยพิจารณาตัดสินความผิด
เจ็ดวันรอบที่ 4
มาถึงภูเขากระดาษเงินกระดาษทอง การจะขึ้นไปที่ภูเขากระดาษเงินกระดาษทองนี้ยากลำบากมาก ภูเขากระดาษเงินกระดาษทองนี้คือ กระดาษเงินกระดาษทองที่คนในเมืองมนุษย์หลงงมงาย เผาส่งไปให้กองสุมทับถมกันจนเป็นภูเขาเลากาซึ่งตามความเป็นจริงแล้วแม้ผู้ตายจะได้รับก็ไร้ประโยชน์
เจ็ดวันรอบที่ 5
วิญญาณผู้ตายมาถึงหอดูบ้านเกิด ได้เห็นลูกหลานคนในครอบครัว ต่างไว้ทุกข์ด้วยความเศร้าโศกเสียใจถึงตอนนี้ จึงเริ่มรู้ว่าอยู่กันคนละภพภูมิ ไม่อาจกลับบ้านได้อีก ได้แต่อาลัยอาวรณ์
เจ็ดวันรอบที่ 6
เมื่อวิญญาณผุ้ตายมาถึงตำหนักที่หกยมบาล ตำหนักหกจะสั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายคุมบัญชี ตรวจดูบาปบุญที่ผุ้ตายได้สร้างสมตอนมีชีวิต หลังจากนำบาปและบุญหักลบกันแล้ว ถ้าฝ่ายบุญมีมากกว่าฝ่ายบาป ก็จะให้ไปจุติยังสุคติภูมิ ถ้าฝ่ายบาปมีมากกว่าจะส่งไปนรกภูมิเสวยทุกขเวทนา
เจ็ดวันรอบที่ 7
เมื่อวิญญาณผู้ตายไปถึงตำหนักที่เจ็ด ยมบาลตำหนักเจ็ด ก็จะสั่งเลขาให้ตรวจสอบดู ผุ้ตายตอนมีชีวิตอยู่ ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมากหรือไม่ ถ้าถือศิลกินเจ งดฆ่าสัตว์ ก็จะระงับโทษ ถ้าชอบฆ่าสัตว์เพื่อความสุขของปากท้อง ก็จะเพิ่มโทษอีกเท่าตัว
ข้างต้นนี้ คือ ชีวิต 49 วัน หลังความตาย ซึ่งผู้ตายทุกคนจะต้องประสบพบผ่าน

วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หัวใจพระพุทธศาสนา

พระพุทธเจ้าทรงปฏิบัติอย่างไรจึงได้ตรัสรู้
พระพุทธเจ้าทรงเดินสายกลาง กล่าวคือ ไม่ปฏิบัติตนให้มีความสุข สดชื่นอยู่ในทางกาม และ ไม่ทรงทรมาณตนโดยพระองค์ท่านไม่ข้องแวะอยู่ในทางทั้งสองนั้น ทางสายกลางเป็นทางที่มีองค์ประกอบ 8 ประการ คือ เห็นชอบ ดำริห์ชอบ เจรจาชอบ ระลึกชอบ พยายามชอบ การงานชอบ ตั้งใจชอบ และเลี้ยงชีวิตชอบ จนสามารถตรัสรู้ได้
พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงที่ทำให้บุคคลเป็นผุ้ประเสริฐที่เรียกกว่า อริยสัจ 4 ประกอบด้วย
ทุกข์ ทุกข์ที่เกิดจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ทุกข์เนื่องจากป่วยไข้ พลัดพรากจากสิ่งที่รัก ไม่สมหวัง ผิดหวัง หรือสมหวังมากไป จิต รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
สมุทัย เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ จากตัณหาคือ ความอยาก อยากในกาม อยากเป็นและไม่อยากเป็นนั่นนี่ และจากราคะ คือ ความเพลิดเพลินยินดีกับสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
นิโรธ เป็นความดับทุกข์ ปล่อยวาง ดับ สละ คืน พ้น ไม่พัวพัน ไม่อาลัย
มรรค เป็นแนวทางการปฏิบัติที่มีองค์ประกอบ 8 ประการ เพื่อเดินสายกลาง เพื่อเกิดความรู้ เพื่อสามารถหยั่งรู้ ให้เกิดความสงบ รอบรู้ สามารถดับกิเลส ได้
ความรู้ที่ตรัสรู้มีลักษณะอย่างไร
เป็นความรู้ที่ผุดขึ้นว่า นี้เป็นทุกข์ ทุกข์เป็นสิ่งที่ควรกำหนดรู้ ทุกข์นี้ได้กำหนดรู้แล้วเป็นความรู้ที่ผุดขึ้นว่านี้ เป็นสาเหตุแห่งทุกข์(สมุทัย) เป็นความรู้ที่เกิดขึ้นว่า นี้เป็นความดับทุกข์(นิโรธ) เป็นความรู้ที่ผุดขื้นว่า นี้ทำให้แจ้งแล้ว เป็นความรู้ที่ผุดขึ้นว่า นี้เป็นทางปฏิบัติถึงความดับทุกข์(มรรค) ซึ่งควรอบรมให้มีขึ้น ในการนี้ได้ อบรมให้มีขึ้นบริบูรณ์แล้ว
ญาณที่ตรัสรู้ต้องประกอบด้วย ความรู้ในความจริง คือรู้ว่า ความทุกข์นี้จริง รู้ว่าสาเหตุแห่งทุกข์นี้จริง รู้ว่าความดับทุกข์นี้จริง รู้ว่าข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์จริง หน้าที่ที่ต้องกำหนดรู้ว่าเป็นทุกข์ หน้าที่ที่ต้องละ หน้าที่ที่ต้องทำให้แจ้ง หน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ อบรมความรู้ในการทำกิจเสร็จ รู้ว่าทุกข์ได้กำหนดเสร็จแล้ว รู้ว่าทุกข์ที่กำหนดไว้นั้นได้ละแล้ว รู้ว่าทุกข์ที่ละนั้นก็ให้เห็นแจ้ง แล้วรู้ว่าทางที่มีองค์ประกอบ 8 ประการ ก็ได้ปฏิบัติอบรมให้มีขึ้นแล้ว
รอบความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าเป็นความหยั่งรู้ ที่มีวนรอบ 3 มีอาการ 12 คือ ความรู้ในความจริงรอบหนึ่ง ต้องรู้ในหน้าที่รอบหนึ่ง และความรู้ในการทำกิจเสร็จ
ผู้มีความรู้ดังกล่าว เรียกว่า พุทธะ คือเป็นผู้ตรัสรู้ หรือปัญญาที่เป็น โพธิ แปลว่า ความตรัสรู้
สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมด มีความดับไปเป็นธรรมดา
ศัตรูที่แท้จริงของคนคือ โลภ โกรธ หลง ต้องแก้ด้วยมี ศิล สมาธิ ปัญญา

วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

พ่อแก่ แม่เฒ่า

พ่อแม่ก็แก่เฒ่า จำจากเจ้า ไม่อยู่นาน
จะพบจะพ้องพาน เพียงเสี้ยววาร ของคืนวัน
ใจจริงไม่อยากจาก เพราะยังอยาก เห็นลูกหลาน
แต่ชีพมิทนทาน ย่อมร้าวราน สลายไป
ขอเถิดถ้าสงสาร อย่ากล่าวขาน ให้ช้ำใจ
คนแก่ชะแรวัย คิดเผลอไผล เป็นแน่นอน
ไม่รักก็ไม่ว่า เพียงเมตตา ช่วยอาทร
ให้กินและให้นอน คลายทุกข์ผ่อน พอสุขใจ
เมื่อยามเจ้าโกรธขึ้ง ให้นิกถึง เมื่อเยาว์วัย
ร้องไห้ยามป่วยไข้ ได้ใครเล่า เฝ้าปลอบโยน
เฝ้าเลี้ยงจนโตใหญ่ แม้เหนื่อยกาย ก็ยอมทน
หวังเพียงจะได้ยล เติบโตจน สง่างาม
ขอโทษเมื่อทำผิด ขอให้คิด ทุกทุกยาม
ใจแท้มีแต่ความ หวังติดตาม ช่วยอวยชัย
ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่ง มีหรือหวัง อยู่นานได้
วันหนึ่งคงล้มไป ทิ้งฝั่งไว้ ให้วังเวง

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

บุคคลที่ภพหน้า จะเป็นเปรตหรือไม่

บุคคลที่ภพหน้า จะเป็นเปรตหรือไม่ ก็น่าลองตรวจดูดังนี้
1.เป็นคนอิจฉาริษยาคนร่ำรวยและสูงกว่าตน ดูถูก ดูแคลน คนยากจน และต่ำกว่าตน
2.ตระหนี่ ไม่ทำทานแล้วยังกีดกันคนที่ทำทาน
3.นำทรัพย์ สิ่งของ ของภิกษุและส่วนรวมเป็นของตนเอง
4.ติฉินนินทากล่าวร้ายพระ และครูบาอาจารย์ของตน
5.ยุยงให้สงฆ์และหมู่คณะแตกกัน
6.ให้ยาหญิงมีครรภ์เพื่อทำลายเด็กในครรภ์
7.แช่งด่าคนที่ทำบุญทำความดีต่อสังคมและพระสงฆ์
8.มีอุบายทุจริตในการค้า เช่น ปนข้าวไม่ดีลงในข้าวดี
9.ประทุษร้ายต่อพ่อแม่
10.ไม่ยอมให้ทานด้วยข้าว และยังสาบานยืนยันว่า ไม่มีข้าวกล่าวมดเท็จ
11.ลักขโมยของคนอื่นมากินแล้วสบถว่าไม่ได้ขโมย
12.กลางคืนถือศีล กลางวันเป็นพราน
13.เป็นเจ้าเมืองหรือผู้ใหญ่ที่ชอบกินสินจ้างรางวัล
14.ทำบุญด้วยของเหลือเดน
15.ถวายภัตตาหารด้วยเนื้อหมา และเนื้อสัตว์ที่มีเล็บ
16.ข่มเห่งรังแกคนยากจน
17.ทำลายป่า

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หลวงพ่อจริล ฐิตธัมโม

หลวงพ่อจริล ฐิตธัมโม
(พระราชสุทธิญาณมงคล)
วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
การที่เราหันจิตใจมารักษาศิลกินธรรมนี้ จงมีความตั้งใจให้จริง เพราะธรรมมะของพระพุทธเจ้านี้เป็นทิพย์ ไม่มีความอิ่มอันใดจะเสมอเหมือน การอิ่มธรรม
ความอิ่มในรสชาติอาหารนั้น เป็นเพียงส่วนประกอบให้แก่ธาติขันธ์เท่านั้น เป็นความไม่เที่ยงเสื่อมสลายลงได้ เมื่ออิ่มไปชั่วขณะก็หิวอีกอย่างนี้เป็นต้น แต่ธรรมะเป็นของสมบูรณ์ อิ่มแล้วจะมีความอิ่มที่คงทนถาวรไม่เสื่อมสลาย ผู้ใดมีธรรมเป็นเครื่องอยู่อาศัย บุคคล ผู้นั้นจะมีความอิ่มความพอ
แม้ธรรมนั้นจะมิได้เป็นรูปร่างที่มองเห็นกันด้วยตาเนื่อ แต่ธรรมเป็นธรรมชาติอันละเอียดสุขุม สุดที่จะนำมาเปรียบเทียบกับของสมมุติทั้งหลายได้
ใจเป็นความละเอียดฉันใด ธรรมก็เป็นของละเอียดสุขุมฉันนั้น และใจนี้แหละเป็นที่สถิตของธรรมทั้งปวง ผู้ปฏิบัติธรรมจงพยายามศึกษาค้นคว้าวิปัสสนาให้เที่ยงแท้ด้วยสติปัญญา จึงจะบังเกิดเห็นผลแก่ท่านด้วยดี
อันวิชาศาสตร์ต่าง ๆ นั้น อาตมาขอศึกษาให้รู้ว่ามีจริงเท่านั้น เมื่อรู้แล้วก็หยุด ที่หยุดไม่ได้คือ การปฏิบัติสมถะและวิปัสสนากรรมฐาน ต้องดำเนินไปเสมอไม่ขาดตอน จะขาดตอนไม่ได้เป็นอันขาด

วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

พระอาจารย์วัน อุตตะโม

พระอาจารย์วัน อุตตะโม
(พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร)
วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม อ.ส่องดาว จ.สกลนคร
พระเถระองค์หนึ่ง ท่านไปบำเพ็ญใกล้สระแห่งหนึ่ง มีผู้หญิงเขาลงไปเก็บดอกบัว ขณะเก็บดอกบัว เขาก็ร้องรำทำเพลง พระท่านก็พิจารณาตามเสียงเพลงเขานั้น ให้รู้เห็นทุกขสัจจะ สมุทัยสัจจะ เพราะในขณะที่เขาร้องเพลงเพลิดเพลินนั้น ก็คือ เขาเป็นทุกข์ ทุกข์เพราะกิเลสแผดเผาจิตใจ เขาจึงระบายออกในลักษณะร้องเพลง นั้นเรียกว่า เป็นความระบายกิเลส ทั้งในขณะนั้นเขาก็มีความรักใคร่ยินดีเพลิดเพลินอยู่ด้วยอำนาจของกิเลส ซึ่งเป็นสมุทัยสัจจะบอกทุกขสัจจะที่กิเลสแผดเผาจิตของเขาด้วย บอกสมุทัยสัจจะที่เป็นตัวเหตุให้เกิดความรักใคร่ยินดี เกิดตัญหาเกิดความทะเยอทะยานอยากในจิตด้วย แล้วพระท่านก็เกิดความสังเวช เกิดความเบื่อหน่ายจิตของท่านก็หลุดพ้นได้สำเร็จ เป็นพระอรหันต์เพราะอาศัยเสียงเพลงนั้นเป็นตัวเหตุ ท่านก็น้อมนำมาพิจารณา นิโรธ ความรู้แจ้งก็เกิดขึ้น กิเลส ทั้งหลายก็หมดสิ้นไป
นี่แหละเมื่อจิตเป็นธรรมะแล้ว ก็พิจารณาเป็นธรรมะไปได้หรือจะเห็นรูปร่างกายที่เขาแต่งให้สวยงาม ก็เช่นเดียวกัน ข้างในเต็มไปด้วยของไม่สะอาด ของโสโครกสกปรก แต่เขาแต่งข้างนอกก็เหมือนกันกับโลงผีที่เขาแต่งให้สวยงาม แต่ข้างในน่าเกลียดน่ากลัว คนเราก็เหมือนกัน ใจที่มีกิเลสก็น่ากลัว มันเกิดความโลภก็น่ากลัว เกิดความโกรธก็น่ากลัว เกิดความหลงก็น่ากลัว

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ

พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก)
อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย
ถ้ารู้ธรรม ก็ขอให้สักแต่ว่ารู้ เมื่อรู้แล้วก็นำธรรมะนั้นมาฟอกซักชำระเสียให้สะอาด ใจเรามันสกปรกมานานต้องล้างเสียที อวิชชามันเยอะมันหุ้มไว้จนหมดมิด เมื่อจิตใจหมดจดแล้ว (รู้ด้วยสติปัญญานะ) จิตใจผู้รู้นั่นแหละมันก็จะปล่อยวางธรรมนั้นไปจิตผู้รู้ก็จะทรงอานุภาพด้วยปัญญาอย่างโดด ๆ ไม่เกาะเกี่ยวไม่ข้องแวะกับอะไร เป็นปกติใสสว่างเป็นจิตเดิมแท้ ทีนี้แหละ อะไรที่ไม่รู้มันก็จะรู้ สิ่งไหนไม่อย่างรู้มันก็รู้ มันก็ตื่นมันก็เบิกบานของมันไป
คูรบาอาจารย์ทั้งหลายท่านจึงต้องสอน เอาความโง่ของพวกเราออก เอาความดีใส่มาแทนให้ เราก็จงรับไปปฏิบัติซี เอามาแล้วก็มาวางไว้เฉย ๆ มันจะได้ประโยชน์อะไรเล่า

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หลวงปู่ศรี มหาวีโร

หลวงปู่ศรี มหาวีโร
วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง)
อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด
เอาชีวิตนี่แหละเป็นเดิมพัน เพื่อแลกกับความดี
การนั่งสมาธิภาวนาอย่างขั้นอุกฤษฎ์ คือ นั่งภาวนา 24 ชั่วโมงจะเปลี่ยนอิริยาบถเพียง 2 ครั้งเท่านั้น เพื่อดูทุกขเวทนาในตนเอง โอ นรก 8 ขุม มันเกินยกกันมาที่นี่ทั้งหมด เออ มันยกทัพกันมา ดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งร่างกาย เรานี่แหละสู้กับมันจนทุกขเวทนาปรากฏอย่างเด่นชัด และรู้เล่ห์เหลี่ยมของกิเลสมารที่มารบเร้าจิตใจจนหมดสิ้น ขอให้มีสติดีเสียอย่างเดียวมันจบได้ คือ ความเจ็บปวดทั้งหลายนั้น มันจะไม่เกิดอีกเลย นี่นักปฏิบัติต้องเอาชนะให้ได้ ถ้าไม่ได้ แพ้มันเด็ดขาด
นักปฏิบัติธรรมต้องมีสติพร้อมเสมอ ถ้าสติอ่อน มันจะติดสัญญาภาพเก่า ๆ ที่เราได้จดจำมาแล้วทั้งสิ้น แล้วธรรมที่เกิดนั้น มันก็ยังเป็นของคนอื่น ยังมิใช่ของเราแท้นะ ระวังกิเลสมันจะหลอกล่อจิตใจเราให้ลุ่มหลงเพ้อพกไปได้ แม้อาตมาเอง มันยังหลอกให้หลงอยู่เกือบ 6 ปี เพราะนิมิตตัวเดียวแท้ ๆ สำหรับบทปฏิบัตินั้น ถ้าสติไปถึงจิตเมื่อไร เมื่อนั้นพวกกิเลสหรือนิวรณ์ทั้งหลายนี่มันจะถอยหนีไปหมดเลย

วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หลวงปู่คำแสน (ทิม) อินทจักโก

หลวงปู่คำแสน (ทิม) อินทจักโก
(พระครูสุคันธศีล)
วัดสวนดอกเก้าตื้อ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
ศีลบริสุทธิ้ ถือสัจจะบริสุทธิ์ ถือหลักพรหมวิหาร 4 ประการ อันบริสุทธิ์ เพื่อเสริมสร้างบารมีธรรม สัจจะบารมีนี้สำคัญ ถ้ามีสัจจะแล้วทำอะไร ปฏิบัติอะไร ก็จะได้ผลเสมอ แม้เรากำลังน้อย ทำไม่ไหว ก็ยังมีสิ่งที่มองไม่เป็นตัวท่านช่วยประคองให้จนได้พบกับความสำเร็จนะเออ เออ สร้างให้ดีสร้างให้จบมันก็จะสิ้นทุกข์ ไม่ยาก ไม่ลำบากอีกต่อไป ทำดีไปเถิดดีเองแหละ
ศิลเป็นรากแก้วของชีวิต จะทำดีมีชื่อเสียงได้ก็ด้วยศีลธรรมนี้เอง ใครมีศีลผู้นั้นเป็นเทวดา ผู้ใดรักษาศิลได้มั่นคงผู้นั้นมีสติสัมปชัญญะแล้ว เพราะศีลนี้ทำให้กาย วาจา ใจ ของมนุษย์สูงขึ้น ถ้ายังมุ่งหวังอยากได้สมาธิ ก็ต้องมีศิล อยากได้ปัญญาก็รักษาศิลเสียก่อน ได้ศิลแล้วธรรมะจะเกิดขึ้นในตัวเราเอง
ธรรมะอยู่ที่ไหนล่ะ อยู่ที่ใจ อยู่ที่ตัวเรานี้ ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ มันเป็นเรื่องเฉพาะตัว มีเป็นธรรมดา จะช้าหรือเร็วเท่านั้น ของใครของมันนะ
ธรรมอยู่ในกายเรานี้แล้วทุกอย่าง สติปัญญา เอามาเป็นเครื่องวันวันมันไปทุก ๆ วัน เราจะได้รู้ว่าอะไรตกต่ำบ้าง เมื่อตกต่ำเราก็รีบสร้างให้ปกติอย่าพร่อง บุญกุศลเป็นของดีบริสุทธิ์ จำไว้นะ

วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หลวงปู่พระพุทธบาทตากผ้า

หลวงปู่พระพุทธบาทตากผ้า
(พระสุพรหมยานเถร)
วันพระพุทธบาทตากผ้า ต.มะกอก อ.ป่าซาง จ.ลำพูน
คนเราเกิดมา มีร่างกายเป็นที่อยู่อาศัย อุปมาเป็นบ้านที่กำลังไหม้ไฟ เพราะการเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเหตุ บัดนี้ ไฟกำลังไหม้ บ้านเรือนเราอยู่เสมอ ๆ ตลอดเวลา ผู้มีสติ ผู้มีปัญญา นำสมบัติอันมีค่า ค่อย ๆ ขนออกจากบ้านที่กำลังไหม้ไฟอยุ่นี้ สมบัติอันมีค่านั้น ก็ คือ การกระทำคุณงามความดี สร้างบุญกุศล ความดีที่ทำลงไปแล้ว อย่างไร ๆ ก็ไม่มีวันสูญหาย จงจำใส่ใจไว้ไม่มีสิ่งใดที่ไหนที่จะนำทางชีวิตของเราให้ไปสู่สุคติโลกสวรรค์ได้ มีแต่บุญกุศลเท่านั้น
พวกเราทุกคน เมื่อจะรักการภาวนาธรรม ก็ต้องดูเยี่ยงอย่างของพระพุทธเจ้านี้เป็นแนวทางให้น้อมไว้เป็นสรณะ สมัยการเดินธุดงค์กรรมฐานของอาตมา ต้องสละทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ชีวิตเลือดเนื้อต้องสละหมดสิ้น ไม่เห็นกังวล ถ้าจะตายก็ต้องให้ตายไป พวกเราเชื่อในการทำความดีเมื่อถึงคราวตาย ก็ถวายหมดสิ้นแล้ว อย่างไม่มีความสงสัยเลย
การปฏิบัติธรรม ต้องอาศัยปัญญาภายใน เป็นดวงธรรมอันสว่างไสวนี้ จึงจะรู้แจ้งในธรรมนั้น ๆ จงรีบขวนขวายพยายามอย่าประมาททอดทิ้งเป็นอันขาด

วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ท่านพ่อลี ธัมมะธะโร

ท่านพ่อลี ธัมมะธะโร
(พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์)
วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
คนที่กำลังจะตายนั้น ถ้าจิตไปเกาะยึดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง วิญญาณที่ออกจากร่างไปก็วนเวียนไปเกาะอยู่กับสิ่งนั้น เหมือนกับผลไม้ที่ห้อยอยู่กับกิ่งบนต้นของมัน ถ้ากิ่งมันเอนไปอยู่ตรงที่ที่ดี ผลของมันก็หล่นลงมางอกตรงที่ที่ดี ถ้ากิ่งมันเอนไปอยู่ตรงที่ที่ไม่ดี ผลที่หล่นลงมาก็จะงอกตรงที่ที่ไม่ดีนั้น คนที่ไม่มีสมาธิ จิตใจมีนิวรณ์ความกังวล ห่วงลูก ห่วงหลาน ห่วงคนโน้นคนนี้ เวลาที่ตาย วิญญาณก็ไปเกาะอยู่ที่ลูกที่หลาน บางคนกลับไปเกิดเป็นลูกของลูกตัวเองก็มี บางคนที่พ่อแม่ทิ้งมรดกที่สวนไร่นาไว้ให้ ก็เป็นห่วงทรัพย์สมบัติของตน พอตายไปก็ไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในสวนในนาก็มี บางคนก็ไปเกิดเป็นผีสางนางไม่เฝ้าทุ่งนาป่าเขาก็มี พวกนี้เป็นพวก สัมภเวสี คือ วิญญาณลอยไปเที่ยวหาที่เกาะ ถ้าจิตของเราตั้งอยู่ในบุญกุศล เราก็จะมีสุคติเป็นที่ไปถ้าจิตของเราตั้งอยู่ในบาป อกุศลวิญญาณของเราก็จะต้องไปสู่ทุคติ ไม่ได้ไปเกิดในโลกที่ดี โลกที่ดีนั้นคือ โลกที่ไม่มีภัย เป็นโลกสวรรค์ที่มีแต่เทวบุตร เทวดา นางฟ้าไม่มีความทุกข์ภัยใด ๆ ในโลกของเทวดานั้นมีแต่เกิดกับตาย ไม่มีแก่ไม่มีเจ็บ โลกมนุษย์มีทั้ง เกิด แก่ เจ็บ ตาย โลกนิพพานไม่มีทั้งเกิด ไม่มีทั้งตาย
ทุกคนต้องการความสุข ไม่ต้องการความทุกข์ แต่อะไรเล่าเป็นความสุขที่แท้จริงของตัวเรา คิดว่ากินนี่แหละ ก็พยายามหามาให้มันกินพอกินมากก็อึดอัด คิดว่านอน ก็นอนจนหลังแข็งไม่สบายอีก คิดว่าเงินทองทรัพย์สมบัติก็ไปหามาใช้จนเต็มที่ ก็ยังไม่สุขอีก แล้วอะไรเล่าที่เป็นความสุขที่แท้จริง
ความสุขที่แท้จริงนั้น ย่อมเกิดจากบุญกุศล คือ ความสงบที่เกิดขึ้นในจิตใจ พ้นทุกข์โทษความดิ้นรนไม่มีกระสับกระส่ายเดือนร้อนกระวนกระวาย เพราะฉะนั้นจะพากันตั้งใจประกอบบุญกุศล เพื่อจะให้เป็นทางที่พ้นไปจากโลกนี้ นั่นแหละจะเป็นหนทางที่ถูกต้อง

วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หลวงปู่คำมี พุทธสาโร

หลวงปู่คำมี พุทธสาโร
วัดถ้ำคูหาสวรรค์
อ.เมือง จ.ลพบุรี
เดิน นั่ง ยืน เดิน ในทุกอิริยาบถ ทรงไว้ด้วยสติสัมปชัญญะ ตลอดเวลา สองอย่างนี้เคลื่อนจากกันไม่ได้ ถ้าแยกจากกันในวินาทีใด ก็หมายความว่าความรู้แจ้งเห็นจริง พลอยดับหายไปเหมือนกัน เหมือนเครื่องยนต์ ถ้าน้ำมันขาดตอน เครื่องก็จะสะดุดหยุดลงชั่วขณะเหมือนกัน
เกิดเป็นคน อย่าทิ้งความดีนะลูกหลานนะ เราเป็นฆราวาส คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณมารดา บิดานี่ ถ้าทำดีปฏิบัติถูกแล้ว สิ่งที่ไม่ปรากฏนาม รูป จะมาอนุโมทนา จำไว้นะลูกหลานนะ คำพูดนี่สำคัญ ลูกไอ้ ลูกอี ก็อย่าว่า อย่าทำนะถ้าทำถ้าพูด พระจะหนีหมดเลย ไม่ดีนะ

วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หลวงปู่ผาง จิตตะคุตโต

หลวงปู่ผาง จิตตะคุตโต
วัดอุดมคงคาคีรีเขต
อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น
เป็นครูสอนคนอื่นก็ดีอยู่ หากสอนตัวเองด้วยก็จะดีมากขึ้น เราตรวจคะแนนให้คนอื่น ข้อนี้ถูกข้อนั้นผิด เราเคยตรวจดูตัวเองบ้างหรือเปล่า วันเวลาผ่านไปตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน คะแนนฝ่ายดีกับคะแนนฝ่ายชั่วนั้น ข้างไหนมันมากน้อยกว่ากัน กลับไปตรวจตัวเองเด้อ
ศีลมีมากหลายข้อ ไม่ต้องรักษาหมดทุกข้อดอก รักษาแต่ใจของเจ้าให้ดีอย่างเดียง กาย วาจา ก็จะดีไปด้วย กันนั่นแหละ

วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หลวงพ่อชม อนัคคะโณ

หลวงพ่อชม อนัคคะโณ
วัดเขานันทาพาสุภาพ
อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี
ถ้าเรารักตัวกลัวทุกข์ยาก เราต้องหมั่นฝึกฝนปฏิบัติ ตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า อย่าทิ้งความดี ความดีนั้นมีอะไร ความดีก็มี ศีล สมาธิ ปัญญา นี้เราจึงจะพ้นทุกข์พ้นภัย การประพฤติปฏิบัติธรรมของคนเรานี่ ไม่ว่าเป็นภิกษุสามเณร หรือฆราวาสทุกเพศทุกวัย ทำได้ทุก ๆ คน สรุปว่า ถ้าแม้มีจิตมีสติแล้วทำได้ทั้งนั้น เมือปฏิบัติธรรมไปแล้วจะเกิดความอัศจรรย์อย่างหนึ่งคือ เมื่อมีกำลังใจ หรืออำนาจจิต มีความเชื่อมั่นแล้วจะบังเกิดสิ่งหนึ่ง สิ่งนี้คือการอธิษฐาน
สมัยที่อาตมาเจ็บป่วยมาก และกำลังจะตายอยู่อย่างเห็นได้ชัด นี่อยู่ในป่านะ ครั้นพอรู้ตัวว่ากำลังจะตายทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถึงกำหนด และยังไม่ได้นำธรรมะที่ได้รับออกเผยแพร่แก่ชาวโลกเลย จึงนึกเสียดาย ในเวลานั้น จึงได้อธิษฐาน ขออำนาจพระรัตนตรัย บิดามารดาคุณความดีทั้งปวงให้ช่วยเพิ่มแรง เพิ่มกำลังใจ เป็นที่น่าอัศจรรย์ ความเจ็บป่วยกลับหายไปเมื่อได้ลืมตาขึ้นแล้ว เกิดกำลังวังชาขึ้นมาทันทีทันใด ปีนเขาได้อีก 5-6 ยอด สบาย ๆ
นี้จึงกล้ารับรองว่า แม้นักปฏิบัติทำจริง ๆ มีสัจจะกันแล้ว จะต้องบังเกิดผลเป็นที่แน่นอนไม่ต้องสงสัยหรือเที่ยวถามกับคนอื่น ถามตัวเราได้เองเลย

วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา

หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา
วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม
อ.ลี้ จ.ลำพูน
อย่าเข้าใจว่า มาทำบุญที่นี่จะตัดบาป ตัดกรรม ตัดเวรได้นะ ตัดไม่ได้ เว้นแต่กรรมที่เบาหรืออโหสิกรรมตัดได้ พวกนั้นตัดได้ ก็พระพุทธเจ้ายังตัดไม่ได้ พระมหาโมคคัลลาน์มีฤทธิ์สุดขีด ไม่มีองค์ไหนจะมาเทียมถึง ก็ตัดไม่ได้ จึงขอฝากไว้ อย่าหลับหูหลับตาฟัง แต่คนไม่รุ้หาว่าท่านครูบา หลวงพ่อวัดพระพุทธบาทจะมาตัดกรรมตัดเวร ตัดไม่ได้หรอก แต่ถ้าเป็น อโหสิกรรมได้ทำผิด พูดผิดต่อใคร ๆ เจ้าตัวเองต้องขอตัดเอาเอง
อโหสิกรรมถือว่าตัดได้ก็ต้องตัดเอง จะต้องขอเอง ให้คนอื่นไปขอไม่ได้ ไม่พ้น จากกรรม เราต้องขอเอง ต้องอ่อนน้อม กล่าวคำสารภาพกับตัวเขา เขาจึงจะอโหสิงดโทษให้เรา

วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หลวงพ่อเกษม เขมโก

หลวงพ่อเกษม เขมโก
สุสานไตรลักษณ์
อ.เมือง จ.ลำปาง
ถ้าต้องพูดกับคนทุกคนแล้ว คงไม่มีเวลาปฏิบัติธรรมแน่
ไม่กินก็อยาก ไม่ปากก็ใจ สารพัดยัดเข้าไป ถ้าเจ็บท้องไม่ร้องหาใคร นอนอยู่ในป่าช้าผู้เดียว
การเห็นเป็นเหตุแห่งการคิด การคิดเป็นเหตุแห่งการเห็น ถ้าคิดดีก็เป็นทางเย็น ถ้าคิดไม่เป็นก็เย็นสบาย
ตายเป็นเหม็นเน่า เราเขาเหมือนกัน อยู่ไปทุกวัน ใครได้ก็ดี ใครมีก็ได้
พระนิพพาน ความรู้พิเศษ พระนิพพานเปรียบเหมือนคุณของอากาศ อธิบายว่า อากาศมีคุณ 10 ประการ
1.ไม่รู้จักเกิด
2.ไม่รู้จักแก่
3.ไม่รู้จักตาย
4.ไม่กลับมาเกิดอีก
5.ไม่จุติ
6.ใครจะข่อเหงลอบลักเอาไปไม่ได้
7.เป็นของดำรงสภาพไว้ได้โดยไม่ต้องอาศัยอะไร
8.สำหรับฝูงนกบันไปมา
9.ไม่มีอะไรมากางกั้น แล
10.ที่สุดไม่ปราฎ
เอาท่องไปสอบวันอาทิตย์นี้

วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
(พระสุธรรมคณาจารย์)
วัดอรัญบรรพต ต.บ้านหม้อ
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
เอโกปุคคะโล ทำตนเองให้เป็นคน ๆ เดียว ถือจิตดวงเดียวเท่านั้น จะสามารถพบธรรมะชั้นสูงสุดได้ไม่ต้องสงสัย
ธรรมะเป็นสิ่งประเสริฐ แม้ธรรมะประดิษฐานอยู่กลางดวงจิตใจ ของผุ้ใดแล้ว ผู้นั้นจะได้รับความอบอุ่นใจ มีที่พึ่งอันถาวร สมบูรณ์ทุกประการ จะไม่มีสิ่งใด ๆ ในโลกที่จะให้ความอบอุ่น ยิ่งกว่าธรรมะ

วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หลวงพ่ออุตตมะ

หลวงพ่ออุตตมะ
(พระครูอุดมสิทธาจารย์)
วัดวังวิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
น้อมระลึกอยู่เสมอในคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ซึ่งพระองค์ทรงตรัสไว้ดังนี้ว่า
ผู้มีปัญญา ไม่ควรให้สิ่งล่วงไปแล้วมาตาม ไม่ควรหวังสิ่งซึ่งยังมาไม่ถึง เพราะว่าสิ่งใดล่วงพ้นไปแล้ว สิ่งนั้นอันเราละเสียแล้ว อนึ่ง สิ่งใดซึ่งไม่มาถึงเล่า สิ่งนั้นก็ยังไม่มาถึง
เพราะฉะนั้น ผุ้มีปัญญาจึงไม่ควรให้สิ่งซึ่งล่วงไปแล้วมาตาม ไม่ควรหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง ก็ผู้มีปัญญาได้มาเห็นธรรมเป็นปัจจุบันเกิดขึ้น เฉพาะหน้าแจ้งชัดอยู่ในที่นั้น ๆ ใครจะพึ่งรู้ว่าความตายจักไม่มีในวันพรุ่งนี้ เพราะว่า สู้ความหน่วงเหนี่ยว ความผูกพันด้วยมฤตยูความตาย ซึ่งมีเสนา ใหญ่นั้น มิได้เลย
ฉะนั้น ความเพียรเผากิเลสให้เร่าร้อน อันผู้มีปัญญาควรทำเสียในวันนี้เลยทีเดียว ไม่มีความเกียจคร้าน ขยันหมั่นเพียรทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างนี้ ผู้นั้นแล เป็นผู้มีราตรีเดียวเจริญดังนี้
ให้เชื่อในกฎแห่งกรรม ทำกรรมอย่างใดย่อมส่งผลอย่างนั้น คือกรรมชั่วย่อมส่งผลชั่ว และกรรมดีย่อมส่งผลดี
ผุ้ใดทำกรรม ผลกรรมนั้นย่อมตกแก่ตัวผู้ทำ ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ใครทำกรรมดี ผลกรรมที่ดีต้องตกแก่คนผุ้นั้น ใครทำกรรมชั่ว ผลกรรมชั่วก็ย่อมตกแก่ผุ้นั้นเช่นเดียวกัน

วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2553

พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน

พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
ผู้มีสติปัญญา ย่อมรู้ธรรมขั้นละเอียดอ่อนได้ไม่ย่ากนัก สามารถรู้เล่ห์เหลียม กิเลสภายในจิต ไม่ว่าซอกไหนมุมใด ท่านจะจับออกมาสับโขกอย่างไม่ปราณี กิเลสเป็นตัวโรคร้ายและไม่สามารถมองมันเห็นด้วยตาเปล่า หรือกล้องส่ง เมื่อใครมีกิเลสส่วนใด ชนิดใด และภายในตัวกิเลสมันจะกัดกินใจ ของบุคคลนั้นอย่างไม่มีวันพอ จนตายนั่นแหละ มันจึงปล่อย
ธรรมมะเป็นอาวุธสำคัญที่กิเลสหวั่นไหวเกรงกลัว เพราะรู้ทันกลอุบายของมัน ผุ้ปฏิบัติจะมีความอิ่มแห่งธรรมเหมือนอิ่มอาหาร จะเข้าใจกันเองไม่ต้องถาม เพราะธรรมเป็นของอิ่ม ของพอ แต่กิเลสมันไม่เคยมีความอิ่ม มันหิวกระหายอยู่เป็นนิจ
คนเราถ้ามีกิเลสเต็มตัวแล้ว มันก็เหมือนหมูเราดี ๆ นี่เอง กินแล้วนอน จนอ้วนพี เขาก็นำไปขึ้นเขียง สับ บั่น เท่านั้น
พระอริยเจ้าทั้งหลายในอดีตที่ผ่านมา ท่านรู้ทันกิเลส เมื่อกิเลสโผนมา ธรรมะโผนไป กิเลสโหดร้าย ธรรมะโหดดี อย่างทราบ ต้องออกแนวรบ นักปฏิบัติคือนักรบ เป็นต้องเป็น ตายต้องตาย จึงจะเอากิเลสอยู่ กิเลสมีเท่าไร ธรรมะต้องมีเท่านั้น

วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หลวงปู่บุดดา ถาวโร

หลวงปู่บุดดา ถาวโร
วัดกลางชูศรีเจริญสุข
อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี
ขันธ์ 5 ของกิเลสมันเกิดเป็นทุกข์ ตายเป็นทุกอยู่แล้ว เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาอยู่แล้ว คนไทยนี่อะไร ๆ ไม่เสียดายหรอก ในโลกนี้ให้หมดนะ อามิสน่ะ แต่ แต่มีข้อแม้ว่า ผัวดิฉันนะ ใครแตะไม่ได้นะ เอาตายเชียวนะ จะไปนิพพานจะเอาผัวไปด้วย ปัดโธ่ เขาไปนิพพาน จะเอาผัวเมียไปที่ไหนกัน เขาเอาธรรมะไปต่างหากล่ะ
คนมันเขียนท้ายรถยนต์ ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป ไอ้นั่นนะมันไม่รู้จักพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มันเอาข้อวัตรของมันมา เอากิเลสอวด โอโธ่ พระพุทธเจ้าไม่ได้พูดอย่างนั้น

วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หลวงปู่กินรี จันทิโย

หลวงปู่กินรี จันทิโย
วัดกัณตศิลาวาส
ต.ฝั่งแดง อ.เมือง จ.นครพนม
พุท-โธ อยู่ที่ไหน ไม่ต้องไม่มองที่อื่น อยุ่ที่ใจเรานี่เอง
พุท-โธ คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ตื่น รู้เบิกบานในใจเมื่อไร เมื่อนั้น จิตใจก็งดงาม
งาม แปลว่า ดี ถ้ามันดีแล้ว มันก็เกิดความพอ ถ้ามันพอแล้วก็ดี ให้พากันเข้าใจอย่างนี้ ในความดีงามให้มันบริสุทธิ์จริง ๆ เพราะนั่นเป็นทางมนุษย์สวรรค์ และพระนิพพาน