วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ทานปรมัตบารมี

พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติ เป็น กระต่ายบัณฑิต

พระเจ้าพรมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นกระต่ายป่า อาศัยอยู่ในป่าเชิงเขาริมลำธารแห่งหนึ่ง ยังมีสัตว์เป็นเพื่อนอีก ๓ ตัว คือ ลิง หมาจิ้งจอก นาก ทั้ง ๔ ตัวเป็นเพื่อนรักใคร่สนิทสนมกันมาก อยู่ร่วมกันดุจพี่น้องร่วมอุทรก้อนเลือดเดียวกัน ต่างก็ไปเที่ยวหากินในถิ่นที่ตนถนัด ตกเย็นก็กลับมาอยู่ร่วมกัน กระต่ายบัณฑิตแสดงธรรม ให้โอวาทแก่สัตว์ทั้ง ๓ นั้นว่า เราทั้งหลายควรให้ทาน รักษาศีล รักษาอุโบสถ สัตว์ทั้ง ๓ ก็รับคำสอนด้วยดี และพากันประพฤติปฏิบัติตาม

อยู่มาวันหนึ่ง กระต่ายโพธิสัตว์จึงบอกแก่สัตว์ทั้ง ๓ ว่า พรุ่งนี้เป็นวันเพ็ญ เป็นวันอุโบสถ เราทุกคนควรสมาทานอุโบสถกันเถิด ผู้มีศีลให้ทานแล้วมีผลมาก มีอานิสงส์มาก เพราะฉะนั้น ในวันพรุ่งนี้ ท่านทั้งหลายจงให้อาหารแก่ผู้ต้องการก่อน แล้วจึงบริโภคภายหลัง สัตว์ทั้ง ๓ รับคำกระต่ายบัณฑิตว่า สาธุ

พอวันรุ่งขึ้น สัตว์เหล่านั้นพากันสมาทานอุโบสถศีล ตามความตั้งใจของตน

นาก ไปเที่ยวแสวงหาอาหารที่ฝั่งแม่น้ำคงคาแต่เช้าตรู่ พรานเบ็ดคนหนึ่งเอาเถาวัลย์ร้อยปลาตะเพียนฝังดินไว้ ๗ ตัว แล้วลืมปลานั้นทิ้งไว้ นากเดินมาถึงตรงนั้น ได้กลิ่นปลาจึงคุ้ยทรายออกมา เห็นปลาแล้วยกขึ้นประกาศถึง ๓ ครั้งว่า เจ้าของปลาเหล่านี้อยู่ที่ไหนหนอ ๆ ๆ เมื่อไม่มีเจ้าของมารับเอา จึงคาบไปยังที่ของตน ทำในใจว่า ถึงเวลาอาหาร เราจึงจะกินปลาเหล่านี่ และแจกแก่ผู้ประสงค์ต่อไป แล้วรำพึงถึงอุโบสถศีลที่ตนได้สมาทานไว้แล้ว

หมาจิ้งจอก สมาทานอุโบสถศีลแล้วออกแสวงหาอาหารแต่เช้าตรู่ ไปพบเนื้อย่าง ๒ ไม้ เหี้ยย่างตัว ๑ นมส้มหม้อ ๑ ในกระท่อมร้างแห่งหนึ่งของคนเฝ้านา แล้วประกาศหาเจ้าของ ๓ ครั้ง เมื่อไม่มีเจ้าของมา จึงนำของเหล่านั้นไปสู่ที่อยู่ของตน คิดว่า ถึงเวลาอาหารจะกินของเหล่านั้น และแจกแก่ผู้ที่ต้องการต่อไป แล้วรำพึงถึงอุโบสถศีลที่ตนได้สมาทานไว้

ลิง สมาทานอุโบสถศีลแล้วเที่ยวไปตามป่า ไปพบมะม่วงสุกอร่ามอยู่ในป่าใหญ่ ประกาศหาเจ้าของ ๓ ครั้ง เมื่อไม่มีเจ้าของมา จึงนำผลมะม่วงกลับมายังที่อยู่ของตน คิดว่า ถึงเวลาอาหารก็จะกินมะม่วงเล่านี้ และแจกแก่ผู้ที่ต้องการต่อไป แล้วรำพึงถึงอุโบสถศีลที่ตนได้สมาทานไว้

กระต่ายโพธิสัตว์ พอรุ่งเช้าก็สมาทานอุโบสถศีลตามที่ตนได้สั่งสอนเขา แล้วคิดว่า ถึงเวลาอาหารเราก็จะออกไปกลางทุ่งหญ้าแพรก กินตามปรารถนาจึงพักอยู่ รำพึงถึงอุโบสถศีลที่ตนได้สมาทานได้แล้ว คิดว่า เราไม่อาจให้หญ้าแพรกใครกินได้เลย และเราก็ไม่มีข้าวสุกข้าวสาร หรือถั่วงาอย่างใดอย่างหนึ่งเลย เรามีแต่ตัวแท้ ๆ แต่ถ้ามียาจกมาหาเรา เราก็จะให้เนื้อร่างกายเรานี้แหละเป็นทาน แล้วรำพึงถึงศีลอยู่

ด้วยอานุภาพแห่งศีลของพระโพธิสัตว์นั้น พิภพท้าวสักกเทวราชแสดงอาการร้อน ก็การที่พิภพท้าวสักกเวชราชจะแสดงอาการร้อนนั้น เพราะเหตุ ๔ ประการ คือ

๑. ท้าวสักกเทวราชสิ้นอายุขัย

๒. ท้าวสักกเทวราชสิ้นบุญ

๓. เมื่อสัตว์อื่นซึ่งมีอานุภาพมากกว่า จุติมาอุบัติร่วมอยู่

๔. เพราะเหตุแห่งศีลของสมณพราหมณ์ผู้ตั้งอยู่ในธรรม

ส่วนในคราวนี้ เป็นเพราะอานุภาพแห่งศีลของกระต่ายโพธิสัตว์ เมื่อท้าวเธอทรงรำพึงถึงเรื่องนั้น ก็ทรงทราบได้โดยพระญาณ ทรงพระดำริว่า เราจักทดลองพญากระต่ายดูว่า จะจริงดังคำปรารภหรือไม่ จึงเสด็จไปยังสถานที่ของสัตว์ทั้ง ๔ นั้น ทรงแปลงเพศเป็นพราหมณ์เฒ่า เข้าไปหานากก่อน กล่าวว่า ท่านผู้เป็นบัณฑิต หากข้าพเจ้ามีจะพึงได้อาหารอิ่มแล้ว ข้าพเจ้าจะได้รักษาอุโบสถศีลบำเพ็ญสมณธรรมได้ตามปรารถนา นากกล่าวว่า ดีแล้วท่านพราหมณ์ ข้าพเจ้ามีปลาตะเพียนอยู่ ตัว ขอท่านจงรับเอาอาหารตามมีตามเกิดนี้ไปปิ้งกินแล้วเจริญสมณธรรมอยู่ในป่าเถิด

อินทพราหมณ์เข้าไปหาหมาจิ้งจอก บอกความประสงค์ว่า ต้องการอาหาร หมาจิ้งจอกบอกว่า ท่านพราหมณ์ อาหารของเราคือ เนื้อย่าง ๒ ไม้ เหี้ยย่างตัว ๑ นมส้มหม้อ ๑ ขอท่านจงบริโภคอาหารตามมีตามเกิด แล้วเจริญสมณธรรมตามอัธยาศัยเถิด

อินทพราหมณ์เข้าไปหาลิง บอกความประสงค์ว่า ต้องการอาหาร ลิงจึงบอกว่า ท่านพราหมณ์ ข้าพเจ้ามีผลมะม่วงสุก อร่อยมาก หายากในแถบนี้ ทั้งน้ำเย็นใสสะอาด จืดสนิท น่ารื่นรมย์ใจ ขอท่านจงบริโภคอาหารเหล่านี้ แล้วเจริญสมณธรรมตามอัธยาศัยเถิด

อินทพราหมณ์เข้าไปหากระต่ายโพธิสัตว์ พอกระต่ายได้เห็นจึงร้องทักแต่ไกลว่า ท่านพราหมณ์ เชิญทางนี้เถิด ท่านมีประสงค์สิ่งใด จงบอกสิ่งนั้นเถิด อินทพราหมณ์บอกว่า เรามีความประสงค์อาหาร เรายังไม่ได้อาหารเลย หากท่านมีก็ขอได้โปรดให้อาหารแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด กระต่ายโพธิสัตว์ได้ฟังเช่นนั้น ก็เกิดความแช่มชื่นยิ่งนัก พูดว่า ท่านพราหมณ์ ท่านมาถึงเราเพื่อต้องการอาหารนั้นแล้ว เราจะให้อาหารท่านตามปรารถนา วันนี้เราจะให้อาหารที่ไม่เคยให้ใครมาก่อนเลย เราตั้งใจไว้แล้ว ท่านเป็นผู้มีศีล ท่านคงไม่ฆ่าสัตว์ตัวเป็นให้ตาย ขอท่านจงไปหาฟืนมาก่อไฟให้ลุกโพลงไว้คอยท่าเราเถิด เมื่อได้ที่ดีแล้ว โปรดบอกแก่เรา เราจะบริจาคเนื้อในตัวของเรา เราจะกระโดดเข้ากองไฟ เมื่อตัวเราสุกดีแล้ว ท่านจงนำออกมากินเถิด เมื่อได้กินแล้วก็จงบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ในป่านี้เถิด แล้วพูดต่อไปว่า ท่านพราหมณ์ เราไม่มีถั่ว ไม่มีงา ไม่มีข้าวสุก ข้าวสาร เราเป็นกระต่ายป่า มีแต่หญ้าเป็นอาหาร อาหารเช่นนั้นท่านบริโภคไม่ได้ เรามีตัวเรานี่แหละ เมื่อเราเผาตัวสุกแล้ว ขอท่านจงกินเนื้อสุกนั้น แล้วบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ในป่านี้เถิด

ท้าวสักกเทวราช ทรงสดับถ้อยคำกระต่ายโพธิสัตว์แล้ว จึงเก็บฟืนในบริเวณนั้นมาสุดเป็นกองไฟให้ลุกโพลงขึ้น แล้วบอกกระต่ายโพธิสัตว์กระต่ายจึงลุกขึ้นสลัดขนสะบัดตัวถึงสามครั้ง จนแน่ใจว่า ไม่มีสัตว์เล็ก สัตว์น้อยอาศัยอยู่ ตั้งใจบริจาคร่างกายและชีวิตให้เป็นทาน มีความปรีดา ปราโมทย์ปานว่า ได้สิ่งที่ต้องใจ ได้โอกาสแล้วกระโดดเข้ากองไฟกำลังคุโชนทันที ปานดังพญาหงส์เหมราชโผลงสู่สระบัวฉะนั้น ด้วยเดชแห่งชีวิตบริจาคนั้น ไฟไม่อาจทำให้กระต่ายต้อนได้เลยแม้แต่น้อย แม้แต่ขุมขนในร่างกายของพระโพธิสัตว์ ก็มิได้กระทบกระเทือนอะไรเลย

ในลำดับนั้น กระต่ายโพธิสัตว์จึงร้องเรียกอินทพราหมณ์ว่า ท่านพราหมณ์ ไฟที่ท่านก่อนี้ทำหมกลับกลายเป็นไฟเย็นไปเล่า ไฟที่ท่านก่อนี้ไม่อาจทำความร้อนเลยแม้แต่ขุมขนเดียว นี่มันเรื่องอะไรกัน ท้าวสักกะ จึงตรัสว่า ท่านบัณฑิต เรามิได้เป็นพราหมณ์ดอก เราเป็นสักกเทวราช ตั้งใจมาทดลองท่านว่า จะจริงใจกับความตั้งใจของท่านไหม กระต่ายโพธิสัตว์จึงบันลือสีหนาทว่า ขอเดชะ พระอาญาไม่พ้นเกล่า ขอใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทโปรดหยุดก่อนเถิด หากว่าโลกสันนิวาสแม้ทั้งสิ้นจะพึงทดลองข้าพระพุทธเจ้าด้วยเรื่องทานแล้วไซร้ เขาจะไม่พบเลยว่า ข้าพระพุทธเจ้านี้จะไม่ให้ทานเลยเป็นอันขาด เพราะข้าพระพุทธเจ้าพอใจในทานยิ่งนัก ท้าวสักกเทวราชจึงตรัสว่า ท่านบัณฑิต ขอคุณธรรมข้อนี้ของท่าน ปรากฏอยู่ตลอดกัปป์ทั้งสิ้นเถิด แล้วทรงสกัดภูเขาทรงถือเอาแท่งหินที่สกัดออกนั้น ไปเขียนลักษณะกระต่ายไว้ในวงพระจันทร์ แล้วทรงอุ้มกระต่ายโพธิสัตว์กลับมายังที่อยู่ในลานหญ้าแพรกอันอ่อนนุ่ม ภายใต้พุ่มเล็ก ๆ นั้น เรื่องนี้แลเป็นต้นเหตุที่ให้เห็นรอยกระต่ายในดวงจันทร์ในวันเพ็ญ เมื่อท้าวสักกเทวราชทรงจัดการสมพระประสงค์แล้ว ก็เสร็จกลับยังพิภพดาวดึงส์

สัตว์ทั้ง ๔ ต่างก็อยู่ด้วยความสมัครสมานพร้อมเพรียงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ต่างร่าเริงบันเทิงต่อกันด้วยดี พากันสมาทานศีล ประพฤติสมณธรรมจนตลอดชีวิต ตายไปแล้วสู่สุคติโลกสวรรค์ ดังนี้แล

บารมีที่พระโพธิสัตว์ คือ กระต่ายบัณฑิต ได้บำเพ็ญมานี้ จัดเป็น ทานปรมัตถบารมี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น