วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ท่านพ่อลี ธัมมะธะโร

ท่านพ่อลี ธัมมะธะโร
(พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์)
วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
คนที่กำลังจะตายนั้น ถ้าจิตไปเกาะยึดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง วิญญาณที่ออกจากร่างไปก็วนเวียนไปเกาะอยู่กับสิ่งนั้น เหมือนกับผลไม้ที่ห้อยอยู่กับกิ่งบนต้นของมัน ถ้ากิ่งมันเอนไปอยู่ตรงที่ที่ดี ผลของมันก็หล่นลงมางอกตรงที่ที่ดี ถ้ากิ่งมันเอนไปอยู่ตรงที่ที่ไม่ดี ผลที่หล่นลงมาก็จะงอกตรงที่ที่ไม่ดีนั้น คนที่ไม่มีสมาธิ จิตใจมีนิวรณ์ความกังวล ห่วงลูก ห่วงหลาน ห่วงคนโน้นคนนี้ เวลาที่ตาย วิญญาณก็ไปเกาะอยู่ที่ลูกที่หลาน บางคนกลับไปเกิดเป็นลูกของลูกตัวเองก็มี บางคนที่พ่อแม่ทิ้งมรดกที่สวนไร่นาไว้ให้ ก็เป็นห่วงทรัพย์สมบัติของตน พอตายไปก็ไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในสวนในนาก็มี บางคนก็ไปเกิดเป็นผีสางนางไม่เฝ้าทุ่งนาป่าเขาก็มี พวกนี้เป็นพวก สัมภเวสี คือ วิญญาณลอยไปเที่ยวหาที่เกาะ ถ้าจิตของเราตั้งอยู่ในบุญกุศล เราก็จะมีสุคติเป็นที่ไปถ้าจิตของเราตั้งอยู่ในบาป อกุศลวิญญาณของเราก็จะต้องไปสู่ทุคติ ไม่ได้ไปเกิดในโลกที่ดี โลกที่ดีนั้นคือ โลกที่ไม่มีภัย เป็นโลกสวรรค์ที่มีแต่เทวบุตร เทวดา นางฟ้าไม่มีความทุกข์ภัยใด ๆ ในโลกของเทวดานั้นมีแต่เกิดกับตาย ไม่มีแก่ไม่มีเจ็บ โลกมนุษย์มีทั้ง เกิด แก่ เจ็บ ตาย โลกนิพพานไม่มีทั้งเกิด ไม่มีทั้งตาย
ทุกคนต้องการความสุข ไม่ต้องการความทุกข์ แต่อะไรเล่าเป็นความสุขที่แท้จริงของตัวเรา คิดว่ากินนี่แหละ ก็พยายามหามาให้มันกินพอกินมากก็อึดอัด คิดว่านอน ก็นอนจนหลังแข็งไม่สบายอีก คิดว่าเงินทองทรัพย์สมบัติก็ไปหามาใช้จนเต็มที่ ก็ยังไม่สุขอีก แล้วอะไรเล่าที่เป็นความสุขที่แท้จริง
ความสุขที่แท้จริงนั้น ย่อมเกิดจากบุญกุศล คือ ความสงบที่เกิดขึ้นในจิตใจ พ้นทุกข์โทษความดิ้นรนไม่มีกระสับกระส่ายเดือนร้อนกระวนกระวาย เพราะฉะนั้นจะพากันตั้งใจประกอบบุญกุศล เพื่อจะให้เป็นทางที่พ้นไปจากโลกนี้ นั่นแหละจะเป็นหนทางที่ถูกต้อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น